เคล็ดลับเป่าผมด้วยตัวเองที่บ้าน ครบทุกขั้นตอน เพื่อผมสวยสุขภาพดี
ทุกเรื่องที่คุณควรรู้เรื่องการเป่าผม
เคล็ดลับการเป่าผม>
1. การสระผม>
2. การเช็ดผม>
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อน>
4. การเลือกอุปกรณ์ หรือ ไดร์เป่าผม>
5. เทคนิคการเลือกไดร์ให้เหมาะกับลักษณะผมและปัญหา>
6. การเลือกใช้ลมเป่าผม>
7. ระวังเรื่องความชื้น>
8. การใช้ดรายแชมพู>
9. ดูแลผมขณะนอนหลับ>
10. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป>
Editor’s picks: ผลิตภัณฑ์สำหรับการเป่าผม>
เทรซาเม่ เอ็กซ์ตร้า คอนโทรล ซาลอน ฟินิช มูส>
เทรซาเม่ แฟลต ไอรอน สมูทติ้ง สเปรย์ เคราติน สมูท>
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ นูทริ-เซรั่ม>
ซันซิล ลีฟออนครีม สมูท แอนด์ เนเนจเจเบิ้ล>
การเป่าผม หรือไดร์ผม เป็นขั้นตอนหลังสระผมที่หลายๆ คนอาจเคยคิดว่าไม่สำคัญ แค่เป่าให้เสร็จๆ ไปก็คงเพียงพอแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วผมจะสวยสุขภาพดีได้หรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการเป่าผมเลยนะ นั่นเพราะการเป่าผมให้แห้ง เป็นสิ่งที่เราทำเป็นประจำ ถ้าเราทำด้วยวิธีที่ถูกต้องมาตลอด ผมสวยสุขภาพดีก็คงไม่ไปไหน
ถ้าถามว่า “ทำไมเราต้องเป่าผม?” นั่นก็เพราะว่าเมื่อเส้นผมเปียกจะได้รับอันตรายง่ายกว่าตอนผมแห้งยังไงล่ะคะ เวลาที่ผมเปียกจะทำให้เกล็ดผมเปิด เส้นผมจะเปราะบางมาก ดังนั้นควรทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็ว และหนังศีรษะเวลาที่เปียกอยู่นั้น เชื้อโรคจะเข้าสู่หนังศีรษะได้ง่ายและอาจทำให้หนังศีรษะของเรามีกลิ่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเป่าผมทุกครั้งให้แห้งหลังสระผม
วันนี้ ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เรื่อง “การเป่าผม” ไม่ว่าจะอุปกรณ์ที่ใช้เป่าผม, ผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงวิธีการเป่าผมที่ถูกต้อง All Things Beauty ก็ได้รวบรวมทริคเด็ดเคล็ดลับที่ดีที่สุดมาไว้ที่นี่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นคู่มือที่ช่วยให้คุณเป่าผมได้อย่างมืออาชีพ พร้อมให้เรือนผมของคุณสวยเหมือนเพิ่งออกมาจากร้านซาลอนเลยล่ะ
เคล็ดลับการเป่าผม
1. การสระผม
ควรสระผมด้วยแชมพูอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อเป็นการชำระล้างเส้นผมของคุณให้สะอาดหมดจด และเป็นการเตรียมเส้นผมให้พร้อมกับการเป่าได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งยังควรใช้ครีมนวดผมทุกครั้งด้วย และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับความยาวและความหนาของเส้นผมเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากคุณมีผมยาวมาก ก็อาจจะต้องใช้ครีมนวดผมในปริมาณที่มากกว่าปกติ
2. การเช็ดผม
เส้นผมเปียกน้ำนั้นอ่อนแอกว่าตอนผมแห้ง ดังนั้น หลังจากสระผมเสร็จใหม่ๆ เส้นผมของเรายังเปราะบางอยู่มาก เราจึงไม่ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมแรงๆ แต่ให้ใช้ผ้าขนหนูซับผมเบาๆ ให้พอหมาดก็พอ
แต่หากอยากให้ผมแห้งเร็ว แนะนำว่าให้นำผ้าขนหนูผืนแห้งอีกผืนมาคลุมผมอีกชั้น แล้วใช้ไดร์เป่าลงที่ผ้าขนหนู ซึ่งวิธีใช้ผ้าคลุมผมนี้ จะช่วยให้ผมไม่โดนความร้อนโดยตรงจากไดร์เป่าผม อีกทั้งผ้าขนหนูยังช่วยซับน้ำและกระจายความร้อนให้ทั่วศีรษะ จึงทำให้ผมแห้งเร็วขึ้น แถมยังไม่ทำให้ผมแห้งเสียและผมไม่แตกปลาย
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อน
เส้นผมโดนความร้อนในระดับสูงระหว่างการเป่าไดร์ จึงสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมแห้งเสีย ดังนั้น หลังสระผมและก่อนจะไดร์ผม เราจึงควรมีผู้ช่วยเพื่อปกป้องเส้นผมจากความร้อน โดยการใช้ สเปรย์ฉีดผมกันความร้อน , เซรั่ม หรือ น้ำมันบำรุงผม หรือ ลีฟออน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้น และยังเข้าไปบำรุงเส้นผม ทำให้ผมนุ่มสวยเงางาม ในขณะที่เนื้อผมก็ยังมีความเบาสบาย
4. การเลือกอุปกรณ์ หรือ ไดร์เป่าผม
การเลือกไดร์เป่าผม และหัวไดร์เป่าผม เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เพราะมองว่าคุณสมบัติหลักๆ ก็เหมือนกัน คือ ช่วยเป่าผมให้แห้ง โดยเฉพาะหัวไดร์เป่าผมนั้น บางคนอาจจะมองว่ามันไม่จำเป็น แต่ที่จริงแล้ว อุปกรณ์ชิ้นนี้มีหน้าที่สำคัญ คือ จะช่วยโฟกัสความร้อนไปที่จุดใดจุดหนึ่งบนเส้นผม จึงช่วยให้เราควบคุมการเป่าผมหรือจัดทรง เช่น ยืดหรือม้วนผม ในจุดที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น และยิ่งต่อหัวให้ยาวขึ้น ก็ช่วยลดความร้อนระหว่างไดร์เป่าผมกับเส้นผมของเราให้ไกลขึ้น
ในปัจจุบัน ไดร์เป่าผมรุ่นใหม่ๆ มีคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องผมที่แตกต่างกันไป การรู้จักเลือกไดร์เป่าผมให้เหมาะสมกับลักษณะเส้นผมและปัญหา จึงมีส่วนช่วยทำให้เส้นผมสุขภาพดีขึ้นได้
สิ่งที่เราควรมองหาเป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกไดร์เป่าผม ก็คือ แบรนด์หรือรุ่นของไดร์ที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยถนอมผม ไม่ทำให้ผมของเราแห้งเสีย คงความชุ่มชื้นเอาไว้ และช่วยป้องกันเส้นผมจากความร้อน หรือรุ่นที่มีแรงลมสูง เพื่อจะได้ไม่ต้องเป่าผมนาน ป้องกันผมไม่ให้ต้องโดนความร้อนนานๆ ด้วยค่ะ
ต่อมาควรเลือกไดร์ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ เช่น ลมร้อน ลมปานกลาง ลมเย็น ในบางรุ่นยังมีลมแบบ Eco ด้วย โดยเราควรเลือกระดับลมให้เหมาะสม เพื่อลดระยะเวลาของการที่ลมร้อนสัมผัสกับผม
5. เทคนิคการเลือกไดร์ให้เหมาะกับลักษณะผมและปัญหา
สำหรับคนผมบาง แนะนำให้เลือกใช้ไดร์เซรามิก เพราะไดร์แบบนี้จะมีสารเคลือบด้านในที่ช่วยให้ความร้อนสม่ำเสมอ ทำให้ผมแห้งเร็ว ไม่ต้องใช้ความร้อนนาน
สำหรับคนผมเส้นเล็ก ควรเลือกไดร์แบบที่ปรับความร้อนได้หลายระดับ เพื่อช่วยให้เป่าผมแห้งได้เร็ว โดยใช้ความร้อนน้อยที่สุด
สำหรับคนผมแห้ง ควรเลือกไดร์แบบไอโอนิก เพราะไดร์แบบนี้จะปล่อยไอออนที่ทำให้ผมชุ่มชื้น ทำให้ผมดูเรียบและแข็งแรงขึ้น
สำหรับคนเส้นผมหยิกหรือหยักศก ซึ่งเส้นผมมักจะฟูมากกว่าคนผมตรง ควรใช้หัวไดร์เป่าผมชนิดที่กระจายลม (Diffuser blower) ซึ่งหัวไดร์แบบนี้จะช่วยพัดลมเข้าสู่เส้นผมในส่วนที่เราต้องการ ไม่สาดไปมาแบบไร้ทิศทาง จึงทำให้เส้นผมหยิกคงลอนเด้งสวยไม่ทำให้เส้นผมฟูกระจายค่ะ
6. การเลือกใช้ลมเป่าผม
การที่ไดร์เป่าผมมีทั้งฟังก์ชั่นลมเย็นและลมร้อนนั้นย่อมมีเหตุผล เพราะถึงแม้ลมร้อนจะช่วยให้ผมแห้งเร็วได้ก็จริง แต่มันก็อาจทำให้ผมแห้งกรอบได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าเราเป่าผมเพื่อจุดประสงค์แค่ให้ผมแห้งเท่านั้น ยังไงถ้ามีเวลาไม่รีบมาก ใช้ลมเย็นเป่าผมอย่างเดียวได้จะดีที่สุดค่ะ
เพราะส่วนใหญ่แล้วลมร้อนจะใช้สำหรับการไดร์ผม ไม่ว่าจะไดร์ตรง หรือ ไดร์วอลลุ่ม เนื่องจากลมร้อนใช้สำหรับกำหนดรูปแบบของทรงผม เมื่อได้ทรงที่ต้องการแล้ว ก็จะเป่าปิดท้ายด้วยลมเย็น เพราะลมเย็นจะช่วยให้ผมคลายจากความร้อน และเป็นการล็อคทรงผมให้อยู่คงทน
7. ระวังเรื่องความชื้น
ความชื้นในอากาศเป็นเหมือนศัตรูตัวฉกาจของเส้นผม เพราะความชื้นจะทำให้เส้นผมอ่อนแอลงและเปราะขาดได้ง่าย ฉะนั้นเพื่อปกป้องเส้นผมจากความชื้น แนะนำให้คลุมผมด้วยผ้าเมื่อต้องเจอกับสายฝน และควรทำผมให้แห้งทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จ
8. การใช้ดรายแชมพู
ในวันที่ต้องเจอกับสภาพอากาศไม่เป็นใจ หรือวันที่ผมมันจนลีบแบน การใช้ดรายแชมพู หรือ แชมพูแห้ง จะช่วยดูดซับความมันตามธรรมชาติ และสิ่งสกปรกออกจากเส้นผม พร้อมคืนความสดชื่นให้กับเส้นผมอีกครั้งถึงแม้จะยังไม่ได้สระผมก็ตาม
9. ดูแลผมขณะนอนหลับ
การนอนบนปลอกหมอนผ้าฝ้ายอาจทำให้ผมเสียทรงได้ เพราะผ้าฝ้ายจะดูดซับความชื้นเอาไว้ ในขณะที่ผ้าไหมจะเก็บกักความชื้น ดังนั้นเมื่อคุณนอนบนปลอกหมอนผ้าไหมหรือผ้าซาติน น้ำมันจากเส้นผมก็จะยังอยู่แทนที่จะถูกดูดซึมเข้าไป จึงทำให้เส้นผมมีน้ำมันหล่อเลี้ยง และไม่แห้งเสีย ซึ่งส่งผลดีต่อเส้นผมโดยเฉพาะเส้นผมที่ชี้ฟูได้ง่าย
10. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป
ถึงแม้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น มูส สเปรย์ หรือ เจล จะช่วยทำให้ผมอยู่ทรงสวย แต่หากใช้มากเกินจำเป็นก็อาจเป็นการถ่วงน้ำหนัก และทำให้ผมลีบแบนลงได้ ดังนั้น ควรเริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณน้อย และแบ่งผมเป็นส่วนๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวทั่วเส้นผมในปริมาณที่เหมาะสม
นอกจากนี้การดูแลผมก่อนนอนก็สำคัญ ถึงแม้จะไม่มีผลิตภัณฑ์เส้นผมสำหรับกลางคืนโดยเฉพาะก็ตาม แต่ก็มีขั้นตอนดูแลผมที่เราควรทำก่อนนอนเป็นประจำ ไม่ว่าจะ การทำความสะอาด / บำรุง / แปรงผม ขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยให้เส้นผมของเราสวยสุขภาพดีในทุกเช้าที่ตื่นมาค่ะ
Editor’s picks: ผลิตภัณฑ์สำหรับการเป่าผม
เทรซาเม่ เอ็กซ์ตร้า คอนโทรล ซาลอน ฟินิช มูส
ก่อนที่จะทำการเป่าผม ควรใส่มูสขณะที่ผมยังเปียกอยู่ เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มเนื้อผมและสร้างวอลลุ่มตั้งแต่โคนผม ซึ่งมูสตัวนี้ของเทรซาเม่เป็นมูสสูตรบางเบา ซึ่งจะช่วยจัดแต่งผมให้อยู่ทรงได้ดังใจ โดยไม่เหนียวเหนอะหนะ ทั้งยังช่วยเพิ่มวอลลุ่มและลดผมพันกันอีกด้วย
เทรซาเม่ แฟลต ไอรอน สมูทติ้ง สเปรย์ เคราติน สมูท
ก่อนเป่าผมทุกครั้ง ควรฉีดผมด้วยสเปรย์ป้องกันความร้อนเสียก่อน เพื่อป้องกันเส้นผมถูกทำร้าย เพียงแค่ฉีด เทรซาเม่ แฟลต ไอรอน สมูทติ้ง สเปรย์ เคราติน สมูท ลงบนผมที่แห้งหมาดๆ แล้วใช้หวีซี่ห่าง หวีให้สเปรย์กระจายทั่วศรีษะก่อนที่จะเป่าผมแห้ง ซึ่งสเปรย์ตัวนี้จะช่วยป้องกันความร้อนระหว่างการเป่าผม และช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผมแห้งเสียและเปราะขาด
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ นูทริ-เซรั่ม
เพื่อให้การเป่าผมของคุณออกมาสวยสมบูรณ์แบบมากที่สุด อย่าลืมที่จะลูบไล้เส้นผมด้วยเซรั่มเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะเซรั่มจะเคลือบลงบนเส้นผม ซึ่งช่วยทำให้ผมของคุณดูนุ่มสลวยและเงางาม โดยไม่ทิ้งเหนียวเหนอะหนะเอาไว้
ซันซิล ลีฟออนครีม สมูท แอนด์ เนเนจเจเบิ้ล
ลีฟออนครีม เป็น ครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออก จึงช่วยเข้าไปบำรุงผมแห้งเสียได้ยาวนานกว่า ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้ผมมีน้ำหนักและจัดทรงง่าย ทั้งยังดูแลไม่ให้ผมชี้ฟู อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติ
นี่ก็คือเคล็ดลับเป่าผมที่แนะนำให้ทำเป็นประจำ นอกจากจะช่วยทั้งเรื่อง ผมแห้งเร็ว และดูแลไม่ให้ผมแห้งเสียด้วย ถ้าใครทำได้ครบทุกขั้นตอนเหล่านี้ รับรองเลยว่าผมสวยสุขภาพดีก็ไม่ไปไหนแน่นอนค่ะ
การดูแลผม
เทรนด์ Glass Hair ผมเงาดั่งกระจก กระแสดังจากฮอลลีวูด ที่คุณเองก็มีได้