แจกทริค Eco-Friendly Beauty Routine กิจวัตรความสวยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมดูแลความสวยด้วยวิถีรักษ์โลกที่คุณเองก็ทำได้!
Eco-Friendly Beauty Routine>
เลือกซื้อ / เลือกใช้ สินค้า Eco-friendly>
ใช้น้ำให้น้อยลงเวลาแปรงฟันและล้างหน้า>
สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ>
ลดการอาบน้ำหรือสระผมให้ถี่น้อยลง>
ตัดผมสั้น>
ตั้งใจอ่านฉลากให้มากขึ้น>
ใช้ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์>
ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน>
วันที่ 22 มีนาคมของทุกปี วันน้ำโลก (World Water Day) และวันอนุรักษ์โลก เป็นวันที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมระลึกถึงความสําคัญของน้ำและการอนุรักษ์น้ำ รวมถึงสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วย
All Things Beauty จึงอยากจะเชิญชวนผู้อ่านมาร่วมกันประหยัดน้ำและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นสิ่งทำได้ไม่ยากเลย เพราะทำได้จากสิ่งใกล้ๆ ตัว เช่น การดูแลความสะอาดร่างกาย กิจวัตรดูแลความสวยความงาม ที่เราทำเป็นประจำกันอยู่ทุกวัน ซึ่งในทุกๆ ขั้นตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น การล้างหน้า อาบน้ำ ทาครีม ไปจนถึงการแต่งหน้าทำผม ถ้าเราเปลี่ยนกิจวัตรเหล่านี้ ให้เป็นแบบ Eco-Friendly ได้ เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว
สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่ามีแนวทางอย่างไร จะต้องเริ่มต้นยังไงดี ATB มีทริคดีๆ มาฝาก สำหรับบีกินเนอร์ จะเริ่มต้นเปลี่ยนอะไรตรงไหนบ้าง เพื่อความงามควบคู่ไปกับดูแลโลกสวย ด้วยกิจวัตรเป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมค่ะ
Eco-Friendly Beauty Routine
กิจวัตรดูแลตนเองด้านความสวยความงาม (Eco-Friendly Beauty Routine) ที่เราทำเป็นประจำ เราอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงขั้นตอนหรือวิธีการทั้งหมด เพียงแค่ใส่ใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ หรือลด ละ เลิก สิ่งต่างๆ ที่ไม่จำเป็นลง ก็สามารถช่วยประหยัดน้ำ พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมได้มากอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ซึ่ง All Things Beauty ก็มีทริคที่น่าสนใจมาฝากกันหลายอย่าง เพื่อให้คุณสามารถปรับให้เข้ากับกิจวัตรความงามของคุณได้อย่างง่ายดาย ดังนี้ค่ะ
เลือกซื้อ / เลือกใช้ สินค้า Eco-friendly
การเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดเลยคือ การเลือกซื้อหรือเลือกใช้สินค้าแบรนด์ที่มีนโยบายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้ว จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมารียูส รีไซเคิล หรือ ย่อยสลายได้ เพื่อเป็นการช่วยลดการเกิดใหม่ของขยะพลาสติก รวมถึงถ้าใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติด้วยยิ่งดีใหญ่
ใช้น้ำให้น้อยลงเวลาแปรงฟันและล้างหน้า
จากสถิติ การล้างหน้าด้วยการใช้ภาชนะรองจะใช้น้ำเพียง 9 ลิตร แต่ถ้าเปิดน้ำทิ้งไว้ต่อเนื่องจะใช้น้ำถึง 18 ลิตร เช่นเดียวกับการแปรงฟัน ถ้าใช้แก้วรองน้ำบ้วนปากและแปรงฟันจะใช้น้ำเพียง 1 ลิตรต่อครั้ง แต่หากเปิดน้ำไหลไปเรื่อยๆ จะสิ้นเปลืองน้ำถึง 9 ลิตรต่อ 1 นาที
ดังนั้น ขณะที่แปรงฟันและล้างหน้า ควรหาแก้วหรือกะละมังเล็กๆ มารองน้ำ หรือการล้างน้ำ อาจเปิดน้ำใส่ฟองน้ำจนชุ่มหรือจะใช้ผ้าก็ได้ และค่อยๆ บีบน้ำออกมา เพื่อล้างสบู่หรือโฟมล้างหน้าออก
การใช้ฟองน้ำไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำได้เท่านั้น ยังเป็นการถนอมใบหน้าอีกด้วย และการใช้ฟองน้ำขัดหน้าเบาๆ ยังช่วยขัดเซลล์ผิวหน้าที่ตายแล้วออกไปด้วย
สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
แม้การอาบน้ำสระผมด้วยน้ำอุ่นจะแสนสบาย แต่มันก็อาจทำร้ายเส้นผมและผิวหนังของเราให้แห้งขาดความชุ่มชื้น ลองเปลี่ยนมาอาบน้ำสระผมด้วยน้ำเย็น หรือ น้ำอุณหภูมิปกติแทน แล้วจะรู้ว่ามันสร้างความรู้สึกสดชื่นให้กับร่างกาย
ข้อดีของการสระผมด้วยน้ำเย็นอีกประการหนึ่ง คือ ช่วยปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่นเงางาม จึงช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง แถมการไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางด้วยนะคะ
ลดการอาบน้ำหรือสระผมให้ถี่น้อยลง
เพราะอากาศร้อน คนไทยส่วนใหญ่จึงชอบอาบน้ำวันละ 2 ครั้งและสระผมเป็นประจำทุกวัน ซึ่งโดยมากจะอาบน้ำสระผมกันครั้งละ 2 รอบ (เฉลี่ยคือ อาบน้ำถูสบู่กัน 4 ครั้งและสระผม 2 ครั้งต่อวัน) ซึ่งการอาบน้ำด้วยฝักบัวจะใช้น้ำราว 20 ลิตร/ครั้ง/คน
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เหงื่อออกมากหรือต้องเจอมลพิษมาก ลองลดความถี่หรือจำนวนครั้งในการอาบน้ำสระผมลง เช่น ถ้าอาบน้ำเช้า-เย็น คุณยังคงทำได้ตามปกติ แต่ลดการอาบน้ำเหลือรอบละ 1 ครั้ง หรือจะลดตอนเช้าเหลือ 1 ครั้งก็ได้ เพราะเพิ่งตื่นนอน ยังไม่มีเหงื่อหรือคราบไคลมากเท่าไหร่ จึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำหลายๆ ครั้ง
เช่นเดียวกับการสระผม หากสระผมทุกวัน อาจลดการสระเหลือเพียงครั้งเดียว หรือจะลดความถี่ของการสระผมด้วยการใช้น้ำเป็นวันเว้นวัน และใช้ดรายแชมพูแทน ก็จะช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ลงได้มากทีเดียว
ตัดผมสั้น
อีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดน้ำได้ดี ก็คือการไว้ผมสั้น เพราะใช้น้ำน้อยลงในตอนสระผม และประหยัดไฟในตอนไดร์ผม ยิ่งช่วงหน้าร้อนแบบนี้ การไว้ผมสั้นยังทำให้เรารู้สึกเบาสบายและสดชื่นขึ้นด้วยค่ะ
ตั้งใจอ่านฉลากให้มากขึ้น
เราควรต้องรู้จักเริ่มตั้งคำถามกับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่ตลอดบ้างแล้ว ลองใช้เวลาสักนิดเพื่ออ่านฉลากให้ดี และอย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ ปรอท โทลูอีน ตะกั่ว ฟอร์มัลดีไฮด์ ปิโตรเลียมกลั่น
โดยเฉพาะสารกลุ่มพาราเบน (paraben) เช่น เมทิลพาราเบน (methyl paraben) เอทิลพาราเบน (ethyl paraben) โพรพิลพาราเบน (propyl paraben) และ บิวทิลพาราเบน (butylparaben) ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา และแน่นอนล่ะว่ามันส่งผลเสียต่อโลกและสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
ใช้ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์
เราควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอเนกประสงค์ เพื่อลดจำนวนการใช้ผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง นั่นหมายถึงบรรจุภัณฑ์ที่น้อยลง และขยะก็ย่อมน้อยลงตามลงด้วย
เริ่มจากมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็น 2 in 1 เช่น Foaming Cleanser ที่ช่วยลบเครื่องสำอางและทำความสะอาดใบหน้าในขั้นตอนเดียว หรือหันมาใช้ Cleanser เนื้ออะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องใช้สำลีในการเช็ด (ที่จะกลายเป็นขยะในอนาคต) เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินและทรัพยากรได้เยอะเลยนะคะ
ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน
เราทุกคนล้วนทราบกันดีอยู่แล้ว ถึงผลกระทบต่อโลกที่เกิดจากก๊าซคาร์บอน แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความสวยความงาม อย่าง แชมพู, ครีมนวดผม, เมคอัพ และสกินแคร์ชนิดต่างๆ
เพียงเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีปิโตรเลียมจาก พาราฟิน, โพรพิลีนไกลคอล และเอทิลีน แล้วหันไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมและวัตถุดิบจากน้ำมันธรรมชาติแทน เช่น น้ำมันจากพืชชนิดต่างๆ หรือ ขี้ผึ้ง ที่ไม่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในภายหลังค่ะ
เพียงเท่านี้เราก็พอจะเริ่มเห็นแนวทางในการสวยแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกันแล้วใช่ไหมคะ เราอยากให้สาวๆ ได้เอา Beauty Routine ไปทำตามกันดู รวมถึงแชร์เรื่องราวดีๆ เหล่านี้ให้กับคนรอบข้างด้วยนะคะ เพื่อเราทุกคนจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกใบนี้ของเรากันค่ะ
การดูแลผม
ยูนิลีเวอร์ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลทุกชิ้น ปี 2025