สามโชว์สุดท้ายของตำนานแห่งวงการแฟชั่น คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld)
ผลงานสุดท้ายก่อนการจากไปของตำนานแห่งวงการแฟชั่น
แฟชั่นโชว์ที่ถือเป็นผลงานสุดท้ายก่อนการเสียชีวิตของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ คือ โชว์ของ Fendi women’s autumn/winter 2019 collection ที่ Milan Fashion Week เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเสียใจและโศกเศร้าของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางทีมของ Fendi ก็ได้มีการทริบิวต์ให้กับดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งทำงานร่วมกันมานานกว่า 50 ปี
All Things Beauty จะขอพาคุณไปย้อมชมแฟชั่วโชว์ 3 คอลเลคชั่นเด่นสุดท้ายของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ที่ไม่เพียงโดดเด่นเฉพาะเรื่องของเสื้อผ้าและยังรวมถึง ทรงผมเก๋ๆ บนรันเวย์ด้วยค่ะ
แฟชั่นโชว์ สุดท้ายของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld)
ย้อนกลับไป เมื่อเดือนตุลาคม 2518 กับโชว์ของ Chanel Spring-Summer 2019 ready-to-wear ช่วงงาน Paris Fashion Week ซึ่ง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ยกเอาชายหาดในช่วงฤดูร้อนไว้มาที่ Grand Palais
คอลเลคชั่นเสื้อผ้าในช่วงสปริง-ซัมเมอร์ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สดใส แต่ไม่ทิ้งความหรูหราสไตล์ Chanel ไล่มาตั้งแต่ลุคซิกเนเจอร์ สูทกระโปรงผ้าทวีดหลากสีสัน หมวกฟาง ไปจนถึง เสื้อผ้าและเอ็กเซสเซอรี่ส์ที่โชว์ความเด่นของโลโก้ Chanel รวมถึง Fanny Pack ซึ่งมาพร้อมกับสายกระเป๋าคล้องคอที่สามารถปรับว่าจะคล้องหรือคาดก็ได้ หรือจะใช้สะพายกระเป๋าสองใบพร้อมกันก็เก๋ไปอีกแบบ
สำหรับทรงผมบนโชว์นี้ ดีไซน์โดย แซม แมคไนท์ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ในธีม Rich Beach โดยเป็นการรวบผมครึ่งหัว แล้วมัดด้วยริบบิ้นและ/หรือติดเครื่องประดับผม ส่วนผมที่เหลือดัดเป็นลอนคลื่นอ่อนๆ สไตล์บีชเวฟ และเซ็ตให้ผมดูมีเท็กเซอร์ด้วยเท็กซ์เจอร์ไรซิง มิสต์ หรือ ซี ซอลต์ สเปรย์ ให้ลุคที่สวยเซ็กซี่เบาๆ
การใช้เท็กซ์เจอร์ไรซิง มิสต์จะให้ความรู้สึกของผมที่เป็นเว็ตลุคนิดๆ เหมือนโดนน้ำทะเลกระเซ็นมาโดนเบาๆ ส่วนซี ซอลต์ สเปรย์ให้ลุคของทรงผมที่ดูแห้งและเบาพริ้วกว่า
โชว์ที่ Paris Fashion Week นี้ถือเป็นการปรากฎตัวครั้งสุดท้ายของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ บนเวทีแฟชั่นโชว์
ในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ได้จัดโชว์ผลงานสุดท้ายที่เขาทำงานร่วมกับ Chanel คือ Chanel Spring/Summer 2019 Haute Couture fashion ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
รันเวย์ของโชว์นี้ Chanel จัดเต็มมาในรูปแบบวิลล่าสไตล์เมดิเตอเรเนียนพร้อมสวนและน้ำพุสุดหรู เสื้อผ้า เครื่องประดับของคอลเล็กชั่นนี้ก็ยังคงความสวยหรู คลาสสิก เต็มไปด้วยรายละเอียดและเทคนิคการตัดเย็บอันรประณีตแบบแฟชั่นชั้นสูง
สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาสำหรับโชว์นี้ คงหนีไม่พ้นทรงผมและเมคอัพในแนวพังค์ที่ดูคล้ายๆจะขัดแย้งกับลุคหวานๆ ของเสื้อผ้า แต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัว แซม แมคไนท์ ที่รับหน้าดีดูแลเรื่องผมของโชว์ Chanel เช่นเคย บอกว่าเขาอยากสร้างสรรค์ทรงผมที่หรูหราตระการตาให้เข้ากับชุดและบรรยากาศ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเดวิด โบวี่ ศิลปินร็อกผู้ล่วงลับ ผสมผสานเข้ากับทรงผมสไตล์พระนางมารี อองตัวเน็ต โดยเขาใช้สเปรย์ฉีดลงบนผมให้ทั่วแล้วใช้แปรงขนสัตว์ (Bristled Brush) แปรงผมขึ้นไปในแนวตั้ง ก่อนจะฉีดสเปรย์ซ้ำเข้าไปเพื่อให้ผมอยู่ทรง และได้ลุคที่เก๋ๆ อย่างที่เห็น
คนส่วนใหญ่อาจจะรู้จักคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ จากการทำงานร่วมกับ Chanel แต่จริงๆ แล้วชีวิตการทำงานของเขาผูกพันกับ Fendi มานานถึง 54 ปี โดยคอลเลคชั่นผลงานสุดท้ายของเขาที่ได้ขึ้นโชว์บนรันเวย์ ก็คือ Fall/Winter 2019 ที่ Milan Fashion Week
คอลเลคชั่นนี้เปรียบเสมือนการรวบรวมผลงานดีไซน์และเทคนิคต่างๆ ของเขา ที่เคยร่วมทำงานกับ Fendi ตั้งแต่ปี 1965 จนมาถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ตขนสัตว์ โค้ตสไตล์วินเทจ โค้ตและชุดเดรสที่มีโครงแบบไหล่ตรง เทคนิคการเลเซอร์คัตเสื้อโค้ตให้เป็นลวดลาย ไปจนถึง ลายโมโนแกรม “Karliagraphy”
ส่วนทรงผมนั้น แซม แมคไนท์ แฮร์สไตลิสต์คู่ใจที่ทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับมานานปี ได้ออกแบบทรงผมอุทิศให้ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ โดยเฉพาะ ซึ่งผมด้านหลังจะฉีดสเปรย์และหวีเก็บให้เรียบตึงและมัดเป็นหางม้าตรงต้นคอ (คล้ายกับทรงผมหางม้าที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ชอบทำ) ส่วนด้านหน้าเขาทำเป็นลอนเปียก หรือ Finger Wave ที่ปาดด้วยเจลหรือมูส แล้วม้วนติดกับหน้าผากของนางแบบ เป็นทรงผมวินเทจที่ฮิตมากในช่วยยุค 30s ซึ่งเป็นช่วงปีเกิดของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์
ทรงผมชาย
ถอดทรงผมยุคซิกตี้ จากภาพยนตร์เรื่อง Once Upon A Time In Hollywoodผลิตภัณฑ์ที่คุณอาจชอบ
เคล็ดลับและคำแนะนำของเรา
เทรนด์ทรงผม