ย้อนดูการแต่งกายชุดไทยและทรงผมในสมัยโบราณ จากละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง
"ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ละครสุดฮิตสะท้อนชีวิตคนไทยในสมัยก่อน
การแต่งกายชุดไทยและทรงผม>
จากละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง”>
เสื้อผ้า-ทรงผมผู้ชายทั่วไป>
เสื้อผ้า-ทรงผมผู้หญิงทั่วไป>
เจ้านายในราชสำนักและคนชั้นสูง (ฝ่ายชาย)>
เจ้านายในราชสำนักและคนชั้นสูง (ฝ่ายหญิง)>
ในนาทีนี้ไม่มีใครไม่ดู “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ละครพีเรียดคอมเมดี้ที่กำลังเป็นกระแสโด่งดัง เพราะด้วยเสน่ห์ของบรรยากาศย้อนยุค และความสนุกเฮฮาเบาสมอง แถมสอดแทรกสาระอีกเพียบ จึงทำให้ละครเรื่องนี้เรตติ้งมาแรงจนฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว เรียกได้ว่าสนุกมากๆ จนไม่ดูไม่ได้แล้ว!
แต่นอกจากจะมีความบันเทิงที่มอบให้แก่ผู้ชม และความรู้ภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพรไทยแล้ว อีกหนึ่งสีสันของละครเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ที่สะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยก่อน รวมไปถึงประวัติศาสตร์ไทยด้วย
All Things Beauty จะชวนคุณไปรู้จักกับทรงผมและเครื่องแต่งกายในยุคนี้ เพื่อดูแล้วจะได้ยิง “อิน” กันมากขึ้นค่ะ
การแต่งกายชุดไทยและทรงผม
จากละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง”
เสื้อผ้า-ทรงผมผู้ชายทั่วไป
ละครเรื่องนี้จะอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 5 การแต่งกายของผู้ชายทั่วไป (หรือเรียกง่ายๆ ว่าชาวบ้าน) จะนิยมนุ่งผ้าลอยชาย มีผ้าขาวม้า หรือผ้าอะไรก็ได้แตะบ่า คลุมไหล่ หรือคาดพุง ซึ่งเป็นประเพณีการแต่งกายของคนไทยตามปกติมาแต่โบราณ การนุ่งผ้าลอยชายนี้นิยมนุ่งทั้งคนแก่และคนหนุ่ม แต่คนหนุ่มจะใช้ผ้าคลุมสองไหล่และคาดพุง ไม่นิยมใช้ผ้าแตะบ่า ส่วนทรงผมจะทำผมทรงมหาดไทย หรือชาวบ้านจะเรียกว่า ทรงหลักแจว
ผมทรงมหาดไทย มีลักษณะโกนรอบศีรษะ แต่จะมีผมอยู่ตอนกลางศีรษะ และหวีแสกกลาง ถึงแม้ในละครจะอยู่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทยไปแล้ว แต่ชายไทยก็ยังนิยมไว้ผมทรงมหาดไทยกันอยู่พอควร แต่เพราะได้รับอิทธิพลทางตะวันตกเข้ามา จึงมีการไว้ผมยาวขึ้น แล้วตัดอย่างฝรั่ง ซึ่งมีทั้งหวีแสกและหวีเสยด้วย
เสื้อผ้า-ทรงผมผู้หญิงทั่วไป
การแต่งกายของผู้หญิงในสมัยนั้น นิยมนุ่งผ้าลายโจงกระเบน นุ่งจีบ ใส่เสื้อกระบอก คือมีลักษณะผ่าอก คอตั้งปลาย แขนยาวถึงข้อมือ เสื้อจะพอดีตัวยาวเพียงเอว แล้วห่มสไบจีบเฉียงบนเสื้ออีกที แต่ถ้าอยู่บ้านจะนุ่งผ้าแถบและหากทำงานกลางแจ้งยังห่มตะเบ็งมาน
สำหรับทรงผมจะไว้ทรงผมปีก ที่ด้านหลังตัดสั้น บางคนโกนผมขึ้นเหมือนทรงมหาดไทยของผู้ชาย อาจมีการปล่อยชายผมให้ตกริมหูทั้งสองข้าง หรือเรียกว่า “ผมทัด”
เจ้านายในราชสำนักและคนชั้นสูง (ฝ่ายชาย)
สมัยรัชกาลที่ 5 ถือเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงการแต่งกายของคนไทย เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากตะวันตก และมีการนำแบบอย่างการแต่งกายของชาวยุโรปมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย
โดยเจ้านายในราชสำนักและคนชนชั้นสูง ผู้ชายจะนิยมนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน สวมเสื้อราชประแตน (เสื้อคอปิดกระดุม 5 เม็ด) สวมหมวกหางนกยูง ถือไม้เท้า เมื่อไปงานพิธีต่างๆ จะสวมถุงเท้าและรองเท้าด้วย ส่วนของทรงผมก็จะไว้ทรงผมรองทรง
เจ้านายในราชสำนักและคนชั้นสูง (ฝ่ายหญิง)
การแต่งกายของสตรีเจ้านายชั้นสูง จะนุ่งทรงผ้าโจงเป็นผ้าไหมยกดอก ห่มสไบเฉลียงบ่า และปล่อยชายยาวไปข้างหลัง ในส่วนของทรงผมก็จะเลิกไว้ผมปีกแต่เปลี่ยนมาไว้ผมยาวประบ่าแทน ลักษณะคือไว้ผมยาวลงมาบริเวณต้นคอและจับด้วยน้ำมันตานีหอม ด้านหน้าหวีเสยขึ้น
ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นไว้ทรงดอกกระทุ่ม โดยลักษณะของผมทรงนี้จะตลบผมไปทางด้านหลังทั้งหมด ปาดให้เรียบ และจัดทรงให้คล้ายดอกกระทุ่ม เมื่อยาวพอดีแล้วก็จะหวีเสยขึ้นไปตรงๆ และหวีเสยด้านหน้าให้ตั้งสูง จับด้วยน้ำมันตานีหอมให้ทรงอยู่ตัว
การเซ็ตผมของคนไทยสมัยโบราณให้อยู่ทรงนั้น ส่วนมากจะใช้น้ำมันตานีหอม ซึ่งมีส่วนผสมของ กะทิคั้นสด ดอกลำเจียก ดอกกระดังงาไทย ดอกมะลิ น้ำมันจันทร์ ผิวมะกรูดและขี้ผึ้งแท้เล็กน้อย และอีกชนิดหนึ่งก็คือ ขี้ผึ้งใส่ผม ซึ่งใช้ชี้ผึ้งแท้ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ซึ่งในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว แต่ถ้าอยากจะเซ็ตผมออกงานย้อนยุคสไตล์นี้ ก็มีสามารถใช้โพเมดหรือสเปรย์แต่งผมแทนได้ค่ะ
ถึงแม้การแต่งตัวหรือทรงผมในละครอาจไม่ได้ตรงเป๊ะตามตำราเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีและสมจริง ทำให้เราพอมองเห็นภาพของคนในยุคก่อน และทำให้คนรุ่นหลังๆ หันมาสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องไทยๆ กันมากขึ้นด้วยค่ะ
ทรงผมชาย
ถอดทรงผมยุคซิกตี้ จากภาพยนตร์เรื่อง Once Upon A Time In Hollywoodผลิตภัณฑ์ที่คุณอาจชอบ
เคล็ดลับและคำแนะนำของเรา
เทรนด์ทรงผม