AllthingsBeauty
allthingsbeauty-logo

เคล็ดลับและแรงบันดาลใจ
จากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเส้นผมของยูนิลีเวอร์

รวมแฟชั่นทรงผม ที่บ่งบอกความเป็นยุค 60s

เอกลักษณ์ทรงผมที่สะท้อนความเป็นยุคซิกตี้

August 13, 2018

แฟชั่นยุค 60s เริ่มต้นขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งข้าวของมีราคาแพง จึงทำให้ผู้คนเลิกสนใจความหรูหราแบบยุคก่อนๆ โดยสไตล์เสื้อผ้าในยุค 60s จะถูกเรียกว่า ‘ม๊อด’ (Mod Look) ซึ่งจะมีสีสันจัดจ้าน ใช้ลายเรขาคณิต ผู้หญิงจะนิยมสวมใส่กระโปรงสั้น และนิยมสวมถุงน่องหลากสีอีกด้วย

ทรงผมส่วนใหญ่ในยุค 60s จะใส่เจลแต่งผมเพื่อทำให้ผมเป็นมันวาว และยีผมเพื่อทําให้ทรงผมดูพองๆ หนาๆ เข้าไว้ และไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะทรงผมยุค 60s ยังมีด้วยกันอีกหลายสไตล์ ซึ่ง All Things Beauty ก็ได้นำมาฝากสาวๆ ที่ชอบสไตล์วินเทจกันอีกเช่นเคยค่ะ

ทรงผมยุค 60

The Beehive

Beehive หรือ ทรงรังผึ้ง เป็นทรงผมแบบเกล้าสูงที่มีวอลลุ่ม เข้ากันได้ดีกับลุคสวยทันสมัยแบบสาวยุค 60s เดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อการสวมหมวก โดยจะเกล้าผมสูงเพื่อให้พอดีกับทรงหมวกเมื่อสวมใส่ ทรงผม Beehive ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มแฟชั่นสไตล์วินเทจ และถึงแม้อาจจะดูแปลกตาสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ก็เป็นทรงผมที่ไม่เคยห่างหายไปจากรันเวย์

Editor’s tip : ทรงผม Beehive ตามแบบฉบับคลาสสิกจะต้องเน้นให้โคนผมพองตัวอย่างสวยงาม สำหรับสาวๆ ที่ต้องการทำผมทรงนี้ แนะนำว่าให้ฉีดดรายแชมพู อย่าง โทนี่ แอนด์ กาย อินสแตนท์ รีเฟรช ดราย แชมพู บริเวณรากผม เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้โคนผม และทรงผมดูพองตัวสวย

The Bouffant

แจ็กเกอลีน เคนเนดี (Jacqueline Kennedy) อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ที่กลายเป็นแฟชั่นไอค่อนแห่งยุค 60s ซึ่งใครๆ ก็ต่างจดจำเธอได้กับทรงผม The Bouffant หรือ ทรงผมบ๊อบที่ด้านบนพองหนา และดัดปลายให้งอนออก ซึ่งเป็นทรงผมที่ออกแบบโดย เคนเนธ บาเทลล์ (Kenneth Battelle) ช่างทำผมชื่อดังที่ทำผมให้ดาราดังหลายคนรวมถึง มาริลีน มอนโร (Marilyn Monroe) และด้วยเอกลักษณที่โดดเด่นของผมทรงนี้ จึงทำให้ The Bouffant กลายเป็นทรงผมแห่งยุคที่ผู้หญิงนับล้านยังต้องทำตาม

The Bombshell

ในช่วงทศวรรษ 1960s วัฒนธรรมและแฟชั่นใหม่ยังเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เรื่องเพศเป็นอะไรได้รับการยอมรับมากขึ้นในสังคม ซึ่งสังเกตได้จากฉากในภาพยนตร์ในยุคนั้น โดยจะสะท้อนผ่านความเซ็กซี่ของนักแสดงหญิงอย่าง Raquel Welch, Jane Fonda และ Brigitte Bardot ผู้ถือเป็นเซ็กส์ซิมโบลแห่งยุค 60s โดยทรงผมที่พวกเธอทำจะเป็นสไตล์ The Bombshell หรือ ทรงผมยาวสยาย ที่มีความพลิ้วไหว และมีวอลลุ่มเด้งสวย ด้วยสไตล์ทรงผมที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหล จึงทำให้ผมทรงนี้กลายเป็นเทรนด์ดังในยุค 60s เลยทีเดียว

Editor’s tip : บรีฌิต บาร์โด (Brigitte Bardot) แฟชั่นไอคอนแห่งยุค 60s ผู้มีทรงผมยาวสยายอันเป็นเอกลักษณ์ หากสาวๆ คนไหนที่อยากมีผมพลิ้วไหวดุจธรรมชาติ และมีวอลลุ่มสวยเหมือนเธอ เราก็ขอแนะนำให้ลองใช้ โดฟ วอลลุ่ม นอริชเม้นท์ แชมพู และ ครีมบำรุงผม ซึ่งเป็นสูตรที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้เส้นผมมากถึง 95% และด้วย เทคโนโลยี ออกซิฟัวชั่น จึงให้ผมที่เส้นเล็กและลีบแบนดูนุ่มหนาและมีวอลลุ่มมากขึ้น*

*ทดสอบกับปอยผม ด้วยโดฟ วอลลุ่ม นอริชเม้นท์ แชมพูและคอนดิชันเนอร์เทียบกับผมลีบแบน

The New Pixie / Twiggy

ในช่วงปลายของยุค 60s ผู้หญิงเริ่มหันมาตัดผมสั้น โดยมีนางแบบแห่งยุคอย่าง เลสลีย์ ลอว์สัน (Lesley Lawson) หรือ ที่รู้กันกันในชื่อ ทวิกกี้ (Twiggy) เป็นต้นแบบ ซึ่งทรงผมซอยสั้นของทวิกกี้ได้กลายเป็นต้นแบบทรงผมของผู้หญิงทั่วโลก ที่ต้องการปรับเปลี่ยนลุคของตัวเองให้ดูทะมัดทะแมงและซุกซนแบบเด็กผู้ชาย แต่ก็ยังมีความอ่อนหวานของผู้หญิงผสมอยู่ด้วย ส่วนในเมืองไทยผู้หญิงไทยยุค 60s ก็แห่แหนกันไปตัดผมซอยสั้นเช่นเดียวกัน โดยพากันเรียกขานทรงผมซอยสั้นว่า ‘ทรงทวิกกี้’ ตามชื่อของนางแบบเลยทีเดียว

ดูจบไปแล้วจะเห็นได้ว่าแฟชั่นทรงผมในยุค 60s เป็นทรงผมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งบ่งบอกความเป็นยุค 60s ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทรงผมยุค 60s ยังเป็นเหมือนต้นกำเนิดแฟชั่นทรงผมให้กับยุคหลังๆ ซึ่งด้วยความคลาสสิกจึงทำให้ทรงผมในยุค 60s ยังคงเห็นบนเวทีรันเวย์กันอยู่เสมอ ทั้งยังมีอิทธิพลกับทรงผมในยุคปัจจุบันอีกด้วย

แชร์
สีผมออมเบร Ombre

สีผม

รู้จักการทำสีผมออมเบร (Ombre) และหลากไอเดียย้อมสีปลายผมสวยๆ
การทำสีผมแบบสีเดียวมันธรรมดาไปแล้ว ตอนนี้มีเทคนิคใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนสีผมของคุณให้ดูสวยและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือการทำสีผมแบบออมเบร (Ombre) ที่เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้นค่ะ

เคล็ดลับและคำแนะนำของเรา