เจาะลึกความแตกต่างระหว่าง “น้ำมันใส่ผม” แต่ละชนิด
เคลียร์ทุกข้อสงสัยเรื่อง “น้ำมันใส่ผม”
น้ำมันใส่ผม>
โพเมด (Pomade)>
แว็กซ์ (Wax)>
“น้ำมันใส่ผม” (Hair grease) คือ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีส่วนประกอบจากน้ำมัน หรือไขมัน ซึ่ง ปัจจุบันมีให้เลือกใช้ด้วยกันหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขี้ผึ้งใส่ผม, แว็กซ์, โพเมด, เพสต์ และเคลย์ เป็นต้น ซึ่งทำให้หลายคนยังคงสับสนว่าน้ำมันใส่ผมแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้ All Things Beauty จึงได้เจาะลึกผลิตภัณฑ์จำพวก “น้ำมันใส่ผม” ว่าแต่ละแบบมีคุณสมบัติอย่างไร และมีจุดประสงค์ในการใช้งานแบบใดบ้าง?
น้ำมันใส่ผม
โพเมด (Pomade)
โพเมด (Pomade) เป็นผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำมันใส่ผมประเภทหนึ่ง เดิมทีมีการผลิตโพเมดมาจากไขมันหมี แต่ในศตวรรษที่ 20 มีวิวัฒนาการและเปลี่ยนส่วนผสมให้ดีขึ้น จึงทำมาในรูปแบบขี้ผึ้งและปิโตรเลียมแทน
โพเมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เพราะการจัดแต่งทรงผมในยุคสมัยก่อน นิยมทรงคลาสสิกสลีค (Classic sleek) ซึ่งเน้นความเงา และความเรียบลื่น โพเมดจึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทรงผมสไตล์นี้มากที่สุด
แต่เนื่องจากโพเมดมีส่วนประกอบของน้ำมันอยู่มาก จึงอาจไปเพิ่มความมันให้เส้นผมและหนังศีรษะได้ และด้วยคุณสมบัติของน้ำมันที่จะไม่มีการแข็งตัว หรือแห้งไปง่ายๆ อาจก่อให้เกิดความสกปรกสะสม มีสารเคมีตกค้าง และเกิดรังแคได้
เรื่องการทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้โพเมดเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้ใช้แชมพูที่สามารถทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างหมดจด อาทิ เคลียร์ เมน แชมพูขจัดรังแคสูตร ดีพคลีนส์ ซึ่งแชมพูเหล่านี้มีคุณสมบัติในการชำระล้างผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และความมัน พร้อมช่วยให้หนังศีรษะสดชื่นและสุขภาพดี
แว็กซ์ (Wax)
แว๊กซ์ (Wax) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขี้ผึ้งเหลวและน้ำมันธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรง และทำให้ผมเป็นประกายเงางาม หลายคนก็ยังเรียกแว็กซ์ในชื่ออื่นๆ อาทิ ขี้ผึ้ง, เพสต์ หรือเคลย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำมันใส่ผมทั้งหมด
นอกจากนี้แว็กซ์ยังสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามจุดประสงค์ของการจัดแต่งทรง ดังนี้
Matt wax: เป็นแว็กซ์ที่จัดแต่งทรงแล้วไม่เป็นเงามันและมีแรงยึดเกาะสูง แต่อย่างไรก็ดีการจัดทรงด้วยแว็กซ์จะให้ทรงที่เป็นธรรมชาติ ไม่จับทรงแข็งเกินไป ดังนั้นหากต้องการให้อยู่ทรงมากๆ ก็ควรใช้สเปรย์ฉีดทับอีกครั้ง
Hard wax: เป็นแว็กซ์ที่จัดแต่งทรงผมได้หลากหลายสไตล์ ทั้งหล่อเนี๊ยบและหล่อเซอร์ ซึ่งมีความเหนียว ช่วยจัดแต่งทรงได้ดี และทำให้ผมอยู่ทรงได้ทั้งวัน
Shine wax: เป็นแว็กซ์ที่เน้นในเรื่องของความเงางามของทรงผมที่จัดแต่ง แตกต่างจาก Matt wax ที่จะทำให้ผมดูแมทด้าน
Wild wax: เป็นแว็กซ์ที่เหมาะสำหรับคนผมสั้นปานกลางไปจนถึงผมยาวที่ต้องการเน้นทรงผมให้มีวอลลุ่มพองๆ และหยิกนิดๆ แบบสไตล์เกาหลี
Water wax: เป็นแว็กซ์สูตรน้ำ ใช้จัดแต่งทรงผมที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ทำให้ผมดูพลิ้วไหวมากที่สุด
Gel wax: เป็นแว็กซ์ที่มีลักษณะเหมือนเจล ซึ่งจะค่อนข้างเหนียวและมันเงา แต่มีข้อดีคือผมจะแข็งอยู่ทรงได้นานทั้งวัน แม้ต้องเจอกับมลภาวะ สภาพอากาศ ความชื้น หรือเหงื่อ ก็ยังจับตัวเป็นทรงได้ดี จึงไม่ต้องคอยจับทรงบ่อยๆ ระหว่างวัน
เมื่อได้รู้จัก “น้ำมันใส่ผม” สำหรับผู้ชายแต่ละชนิดกันแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเหล่านี้ก็คงไม่ยากอีกต่อไป พร้อมให้ผู้ชายทุกคนได้ดีไซน์ทรงผมเท่ๆ ก่อนออกจากบ้านกันได้ทันที
ทรงผมชาย
7 สไตล์ ทรงผมชวนจดจำ จากภาพยนตร์ของ Joaquin Phoenix