รู้ครบเครื่องเรื่องสิวที่หลัง
รู้จักสิวที่หลัง คืออะไร ประเภท สาเหตุมีอะไรบ้าง วิธีรักษาสิวที่หลังและการบำรุงผิวเพื่อผิวเนียนนุ่ม
รู้จักสิวที่หลัง (Body acne) มีกี่ประเภท>
สิวที่หลัง (body acne) เกิดจากอะไร>
วิธีดูแลผิวสิวที่หลัง>
รักษาสิวที่หลังหายขาดใช้เวลากี่วัน>
ทิปส์ดูแลผิวเป็นสิวที่หลัง>
สิวที่หลัง เป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถเกิดกับคนทุกเพศทุกวัย ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวที่หลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งฮอร์โมนของร่างกาย อาหาร ไปจนถึงไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึง การสวมเสื้อผ้าที่ไม่ระบายเหงื่อ หรือทำความสะอาดร่างกายไม่ดีพอ
รู้จักสิวที่หลัง (Body acne) มีกี่ประเภท
สิวมีหลากหลายแบบมีทั้งหมด 6 ประเภท
1.สิวอุดตันหัวขาว (White heads)
สิวอุดตันหัวขาว เป็นสิวขนาดเล็กมีหัวสิวสีขาว ที่ไม่สามารถเห็นได้จากภายนอก แต่เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงตุ่มนูนบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเชื้อแบคทีเรียต่อมไขมันและเคราตินเกาะตัวกันภายในรูขุมขน
2 สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads)
อีกชื่อของสิวอุดตันหัวดำคือสิวอุดตันหัวเปิด (Open comedone) มีลักษณะเป็นก้อนไขมันแข็งๆ ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก ในตอนแรกหัวสิวจะเป็นสีขาวเหลืองแต่เมื่อหัวสิวสัมผัสกับอากาศและสิ่งสกปรกไปสักระยะหนึ่ง หัวสิวจะกลายเป็นสีดำ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเคราตินและไขมันบริเวณชั้นผิวบน
3. สิวตุ่มแดง (Papule)
สิวตุ่มแดง เป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีหัวหนอง แต่สัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และการติดเชื้อแบคทีเรียที่เติบโตมากเกินจนกระตุ้นการอักเสบ
4. สิวหัวหนอง (Pustule)
สิวหัวหนอง มีตุ่มสีแดงบริเวณฐานและมีจุดขาวเหลืองตรงกลาง จับดูจะรู้สึกเจ็บๆ เกิดจากสาเหตุเดียวกับสิวตุ่มแดงและมีการติดเชื้อลามจนมีหนองใต้ชั้นผิวหนัง สิวประเภทนี้ควรงดการบีบหรือกดสิว เพราะสิวจะอักเสบรุนแรงและมีรอยแผลเป็นหลุมลึก
5. สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule)
เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรงมาก ลักษณะเป็นไตขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง และเจ็บปวดมาก แม้จะไม่มีหัวหรือหนอง แต่สาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียลุกลามใต้ผิวหนัง จึงอักเสบรุนแรงกว่าสิวตุ่มแดงและสิวหัวหนอง
6.สิวหัวช้าง (Nodulocystic ance หรือ Sever Nodular acne)
เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมากที่สุด เพราะเกิดการอักเสบรุนแรงลงลึกถึงชั้นหนังแท้ จึงรักษาได้ยากที่สุด ลักษณะเป็นตุ่มใหญ่นุ่มนิ่มเหมือนมีของเหลวอยู่ข้างใน และเจ็บมากแม้จะไม่มีหัวหนองก็ตาม มักทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวชัดเจนไว้ดูต่างหน้าอีกหาก
สิวที่หลัง (body acne) เกิดจากอะไร
สิวที่หลัง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เหงื่อหรือสิ่งสกปรกผสมเข้ากับไขมันหรือซีบัม ที่ถูกผลิตจากต่อมไขมันบนผิวหนังต้นเหตุมีหลากหลาย ได้แก่
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในวัยรุ่นหรือหญิงตั้งครรภ์ อาจเป็นสาเหตุของสิวที่หลังได้
- การเสียดสีระคายเคืองบริเวณแผ่นหลังจากเสื้อผ้า เป้หรืออุปกรณ์กีฬา ที่เสียดสีกับผิวหนังขณะที่ที่เหงื่อออก และภาวะเหงื่อหมักหมมบนเสื้อผ้า ก็ทำให้สิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน
- ผลข้างเคียงจากการรับประทานยา เช่น ยาคอร์ติสเตียรอยด์ อาจทำให้สิวที่หลังแย่ลง
- ภาวะเครียดและวิตกกังวล ทำให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอลสูงขึ้น กระตุ้นต่อมไขมันที่ผิวหนังผลิตไขมันหรือซีบัม ออกมามากกว่าปกติ
- มีคนในครอบครัวสายตรง มีสิวบนแผ่นหลัง เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวบอบบางแพ้ง่าย และในคนที่ครอบครัวเป็นสิวที่หลัง ก็มีโอกาสเป็นสิวที่หลัง ได้มากกว่าคนอื่นๆ
- การใช้ครีมหรือโลชั่นบางชนิด ที่อุดตันรูขุมขนหรือใช้ไม่ถูกวิธี
Editor’s Tip: การใช้โลชั่นสำหรับผิวกายที่ไม่เหนอะหนะ ซึมไว ไม่อุดตันรูขุมขน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเนื้อโลชั่นและสภาพผิว ควรทำความสะอาดผิว ก่อนทาครีมหรือโลชั่นทุกครั้ง เพื่อให้ส่วนผสมในโลชั่นซึมซาบบำรุงผิวได้เต็มที่ และไม่หมักหมมกับเหงื่อหรือสิ่งสกปรกตกค้าง จนเกิดการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์แนะนำที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบว่านหางจระเข้ (Aloe Barbadensis Leaf Juice Powder) ที่จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและให้ความสดชื่นผ่อนคลายผิวช่วยกระตุ้นการเกิดผิวใหม่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบของผิวหนังอย่าง วาสลีน เฮลธี้ ไบร์ท เฟรช แอนด์ ไบร์ท คูลลิ่ง โลชั่น สูตรโลชั่นเนื้อบางเบาให้ความรู้สึกเย็นสดชื่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังมีไมโคร-ดรอปเล็ตของวาสลีนเจลลี่ ช่วยฟื้นบำรุงผิวคล้ำเสียอย่างล้ำลึก ช่วยลบเลือนรอยด่างดำจากสิวที่หลัง
วิธีดูแลผิวสิวที่หลัง
- เลือกเสื้อผ้าระบายอากาศ ไม่รัดแน่นเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสี และระคายเคืองแผ่นหลัง
- หลีกเลี่ยงการสะพายเป้ หรือสวมอุปกรณ์ป้องกันกีฬาหนาๆ บริเวณแผ่นหลัง เพื่อลดการเสียดสีบริเวณผิวหนัง
- ควรอาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย เพื่อลดการสะสมของเหงื่อ ป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ไม่ถอดเสื้อเมื่อออกกำลังกาย เพราะจะทำให้แผ่นหลังสัมผัสกับพื้นผิวสกปรกได้โดยตรง
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับผิว และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
- ทายากลุ่ม benzoyl peroxide เพื่อกำจัดสิว โดยควรทาทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนล้างและใช้เจลเรตินอล เพื่อช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและผลัดเซลล์ผิวเก่า
- ไม่ควรบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือติดเชื้อ
- หมั่นสระผมให้สะอาด และไม่ควรให้ผมปรกหลัง น้ำมันและสิ่งสกปรกจากเส้นผมอาจทำให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิว เช่น ขนมปังขาว พาสต้าแป้งขัดสี มันฝรั่ง หรืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เป็นต้น
รักษาสิวที่หลังหายขาดใช้เวลากี่วัน
สำหรับระยะเวลาการรักษาสิวที่หลังนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวที่ขึ้นหลังว่า มีความรุนแรงเท่าใด หากสิวขึ้นหลังเยอะมาก อาจต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่าคนเป็นสิวที่หลังน้อยจนถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วการรักษาสิวที่หลังนั้น อาการความรุนแรงจะค่อยๆ ดีขึ้นและเห็นผลการเปลี่ยนแปลงใน 2-4 สัปดาห์และสามารถหายขาดได้ในระยะเวลา 1-2 เดือนหรือมากกว่านั้น
ทิปส์ดูแลผิวเป็นสิวที่หลัง
1. ทำความสะอาดร่างกายอย่างอ่อนโยน และสะอาดหมดจดสม่ำเสมอ เลือกครีมอาบน้ำที่ช่วยทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสม เช่น กรดอะมิโน เซราไมด์ สารสกัดน้ำมันและไขมันจากธรรมชาติ ที่ช่วยปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้นผิวไม่แห้งตึงหลังอาบน้ำ
2. บำรุงผิวด้วยครีมทาผิวหรือโลชั่นที่ซึมเร็ว และมีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง ช่วยลดการเกิดสิว แนะนำ วาสลีน โปร เดอร์มา มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง วิธ ไฮยาลูรอนิค แอซิด บอดี้ โลชั่น พรีไบโอติก รีแพร์ริ่ง เอสเซนส์ ที่ผสานด้วยวาสลีนเจลลี่เสริมความสมดุลของไมโครไบโอม บนผิวหรือจุลินทรีย์ตัวดี ที่ช่วยปกป้องผิวเนื้อโลชั่นเป็นเซรั่มเข้มข้นที่ผสาน 4D ไฮยาลูรอนและอะมิโนแอซิดช่วยฟื้นบำรุงเติมความชุ่มชื้นสม่ำเสมอเหมาะสำหรับผิวเป็นสิว ที่ขาดสมดุลและระคายเคืองง่าย ผิวจะอิ่มน้ำและฟื้นฟูได้เร็ว ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี ใช้ในช่วงฟื้นฟูผิวหลังเป็นสิว หรือใช้สม่ำเสมอเพื่อผิวชุ่มชื้น แข็งแรง เพราะผิวแห้งขาดน้ำ มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้ง่ายเช่นกัน
อากาศร้อนอบอ้าวแบบบ้านเรา อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดสิวที่หลังมากหน่อย แต่ถ้าเราดูแลความสะอาดและรักษาสมดุลผิวสม่ำเสมอ ก็จะช่วยได้สำหรับคนที่เป็นแล้ว และอาจจะมีร่องรอยแผลเป็นอยู่บ้าง ถ้าดูแลไม่ทันก็ต้องถึงมือแพทย์ ใช้การศัลยกรรมเลเซอร์ผิวหนังแบบปลอดภัย ก็ลบเลือนได้ แต่อย่าลืมบำรุงผิวกันต่อเนื่องเพื่อให้ผิวไม่เสียสมดุลและไม่เกิดสิวซ้ำกันอีกค่ะ
ข้อมูลจากเวบไซต์ รพ.เมดพาร์คและเวบไซต์พบแพทย์