รู้จักสิวอักเสบ>
ลักษณะของสิวอักเสบ มีกี่แบบ>
สิวอักเสบเกิดในตำแหน่งไหนได้บ้าง>
สิวอักเสบเกิดจากอะไร>
สาเหตุของสิวอักเสบ>
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบและกำเริบรุนแรง>
การรักษาสิวอักเสบ>
1.ใช้ยารักษาสิว>
2.กดสิว หรือ กรีดสิว>
3.ใช้เทคโนโลยีรักษาสิว>
4.ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวอักเสบ>
การดูแลผิวในระหว่างการรักษาสิวอักเสบ>
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่กองบรรณาธิการแนะนำ>
หนึ่งในคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณทุกเพศ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ นั่นคือ การรักษาสิวอักเสบ ที่ดูจะเป็นกันได้ทุกวัยบางคนเริ่มต้นจาก ปัญหาสิวอุดตัน ไปจนถึงขั้นสุดคือ สิวอักเสบ ที่ทรมานใจ และทรมานใบหน้า ด้วยอาการของผิวหนังเป็นตุ่มนูนแล้ว สิวอักเสบมีอาการซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่สิวมาสิวก็ไป รักษาได้ ถ้าเราใส่ใจ วันนี้ All Things Beauty จะพาไปล้วงแคะแกะรอยจากต้นตอปัญหาจนถึงลักษณะของอาการสิวอักเสบมีกี่แบบ และการรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี
รวมถึง การดูแลผิวหน้าที่เป็นสิวอักเสบด้วยตัวเอง ช่วยกู้หน้าพังจากสิวตัวร้ายได้อย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ
รู้จักสิวอักเสบ
สิวมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆคือ สิวอุดตัน (comedonal acne) ที่มีสิวหัวขาว (whitehead acne) สิวหัวดำ (blackhead acne) และสิวอักเสบ (inflamatory acne) ซึ่งเป็นโรคต่อมไขมันในรูขุมขนอักเสบ การอักเสบบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมัน เนื่องจากการอุดตันของรูขุมขันจากเซลล์ผิวเก่าตายแล้วและน้ำมันที่ต่อมไขมันผลิมามากเกินไปสะสมอยู่ทำให้แบคทีเรียเติบโตและกระตุ้นการอักเสบยกระดับจากปัญหาสิวอุดตันเป็นสิวอักเสบลักษณะเป็นตุ่มสิวบวมแดง มีฝีหนองคั่งอยู่ด้านใน และมีอาการปวด สิวอักเสบเกิดได้ทั้งบนใบหน้า แผ่นหลัง หน้าอกและไหล่ ไม่จำกัดเฉพาะวัยรุ่นเท่านั้น แต่พบในวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานเช่นกัน
ลักษณะของสิวอักเสบ มีกี่แบบ
ความต่างระหว่างสิวอักเสบ (Inflammatory acne) กับสิวประเภทอื่นคือ อาการปวดบวมจากการอักเสบ โดยในกลุ่มสิวอักเสบยังมีลักษณะจำเพาะไปอีกตามลักษณะ ขนาดและความรุนแรงของการอักเสบ
ได้แก่
1. สิวตุ่มแดง (Papules) ลักษณะเฉพาะคือ ตสิวตุ่มเล็กนูนแดง สัมผัสแล้วเจ็บ เกิดจากสิวอุดตัวหัวขาวที่อักเสบ ความรุนแรงของการอักเสบถือว่าน้อยสุด
2. สิวหัวหนองหรือสิวตุ่มหนอง (Pustules) เป็นตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่และมีหนอง เกิดจากการติดเชื้อในรูขุมขน ความรุนแรงจะอยู่ระดับปานกลาง ขึ้นอยู่กับปริมาณถ้ามีเยอะก็ถือว่ารุนแรง
3. สิวหัวช้างหรือสิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules) ตุ่มแดงขนาดใหญ่เป็นมีไตแข็งๆเป็นก้อนลึกลงไปในผิวหนัง แลักษณะคล้ายๆสิวซีสต์ แต่ไม่มีหนอง
4. สิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นตุ่มสิวขนาดใหญ่เป็นถุงบวมแดงมีหนองสีขาวเหลืองอยู่ข้างใน เป็นการอักเสบของรูขุมขนถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) มีการอักเสบรุนแรงและเรื้อรัง รักษาหายเองได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์เพราะใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับยาทาสิว ข้อควรระวังสำหรับคนเป็นสิวซีสต์คือสัญญานบอกโรค เพราะหนึ่งในสาเหตุของสิวซีสต์คือ ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล เนื่องจาก มีอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ของผู้หญิงที่เรียกว่า PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่
นอกจากสิวอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียแล้ว ยังมีสิวที่เกิดจากเชื้อรา เรียกว่า สิวเชื้อราหรือสิวยีสต์ (Pityrosporum Folliculitis) ลักษณะเป็นตุ่มสิวแดงๆและมีอาการคันร่วมด้วย มีอาการอักเสบที่รูขุมขนเช่นกัน แต่เป็นผลจากเชื้อรา
ความรุนแรงของสิวอักเสบ ไล่ระดับจากอักเสบเล็กน้อย จะเป็นสิวตุ่มและสิวหัวหนอง มีประปราย ถ้าขยับมาขั้นสอง อักเสบปานกลาง สิวตุ่มและสิวหัวหนอง พร้อมใจกันอักเสบทั่วหน้า ระดับสาม อักเสบค่อนข้างรุนแรง ดูจากจำนวนสิวอักเสบมีมาก ทั้งสิวตุ่มและสิวหนอง และมีก้อนสิวบวมแดงอักเสบฝังลึกบนผิว และระดับ อักเสบรุนแรง วัดอาการปวดบวมทุกจุดที่มีสิว ทั้งสิวตุ่มขนาดเล็ก และสิวหัวหนองที่เห็นชัด อย่าง สิวซีสต์
สิวอักเสบเกิดในตำแหน่งไหนได้บ้าง
อย่างที่รู้กันว่า สิวอักเสบ เป็นการอักเสบของต่อมไขมัน จุดที่มีต่อมไขมันค่อนข้างมากจึงมักเกิดสิบอักเสบ อาทิ สิวอักเสบบนใบหน้า มักเกิด คาง และ หน้าผาก นอกจากนั้นยังเกิดได้ที่บริเวณหน้าอก แผ่นหลังส่วนบน บริเวณต้นคอ ต้นแขนและช่วงไหล่
สิวอักเสบเกิดจากอะไร
จากปัญหาสิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบเป็นเรื่องใหญ่ขั้นกว่า เพราะมีการอักเสบของต่อมไขมัน (sebaceous) เป็นผลจากเซลล์ผิวเก่าตายแล้วและน้ำมันส่วนเกินอุดตันอยู่ในรูขุมขน ซึ่งก้อนสิ่งสกปรกในรูขุมขนนี้เป็นอาหารโปรดของเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Propionibacterium acnes ทำให้มันเติบโตอยู่ในตุ่มสิวและดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิวและเป็นแบคทีเรียที่มีเอนไซม์ย่อยน้ำมันหรือซีบัมที่คั่งอยู่ในหัวสิวให้กลายเป็นกรดไขมัน กระตุ้นการอักเสบใต้ผิวหนัง ตุ่มสิวจึงบวม นูน แดง มีก้อนหรือฝี และหนอง ก่อให้ความรู้สึกเจ็บปวดในบริเวณที่เป็นสิว
สาเหตุของสิวอักเสบ
มาดูต้นตอของการเกิดสิวอักเสบในรายละเอียดกันค่ะ
1. ต่อมไขมันผลิตซีบัมมากเกินไป ต้นเหตุมาจากฮอร์โมนเพศชายสูง หรือภาวะแอนโดรเจนสูง ฮอร์โมนเพศชายหรือแอนโดรเจน แอนโดรเจนหมายถึงกลุ่มฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งมีฮอร์โมนหลายชนิด และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ( Testosterone) มีมากสุดในกลุ่ม มีทั้งในหญิงชายแต่พบมากกว่าในเพศชาย ฮอร์โมนตัวนี้ควบคุมการทำงานของต่อมไขมันในการผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวหรือ ซีบัม นั่นหมายถึง เมื่อฮอร์โมนเพศชายเยอะ การทำงานของต่อมไขมันก็เยอะเกินพอดี ขยายตัวไปดันให้รูขุมขนกว้างขึ้น น้ำมันมีเยอะไหลออกมาเยอะ (ที่มาของ หน้ามัน) เมื่อน้ำมันจับตัวกับสิ่งตกค้างอุดตันรูขมขน แบคทีเรียก็จะเข้ามาทำปฏิกิริยากระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ปัญหาสิวอุดตันจึงยกระดับเป็นสิวอักเสบในที่สุด และต้นเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายมีมากกว่าปกตินั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุและปัจจัยเช่นกัน อาทิ อาการท้องผูก ทำให้คอเลสเตอรอลสูงและระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้นกระตุ้นต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินและยังกระตุ้นแบคทีเรียตัวร้ายในร่างกาย จนก่อปัญหาสิวในที่สุด ช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาการทางเพศ ทำให้วัยรุ่นเกิดสิวง่าย
สำหรับผู้หญิงมักเป็นสิวช่วงมีประจำเดือน เพราะร่างกายมีแอนโดรเจนในระดับสูงกว่าปกตินั่นเอง
2.รูขุมขนอุดตัน
ต่อจากข้อแรกสิ่งที่ตกค้างในรูขุมขน รวมถึง ฝุ่นมลภาวะ สิ่งสกปรกตกค้างเช่น เครื่องสำอางตกค้างล้างออกไม่หมด เซลล์ผิวเก่าผลัดออกไม่หมดการผลัดเซลล์ผิวไม่ดีจนตกค้างในโพรงขนปิดกั้นรูขุมขน เมื่อรวมกันน้ำมันส่วนเกินกลายเป็นก้อนอุดตันรูขุมขน ซึ่งเจ้าก้อนอุดตันพวกนี้เป็นแหล่งอาหารโอชะของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน และรุนแรงไปถึงขั้นสิวอักเสบในที่สุด
3.เชื้อแบคทีเรีย กระตุ้นการอักเสบของต่อมไขมันในรูขุมขน
ภายในโดมเล็กๆ ของตุ่มสิวบวมเปล่งบนผิวหน้านั้น มีเจ้าเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Cutibacterium acnes หรือ C. acnes (ชื่อเดิม Propionibacterium acnes) ที่มีอยู่แล้วในบริเวณรูขุมขน และเมื่อมีอาหารโอชะเป็นพวกไขมันสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขนอยู่ แบคทีเรียซีแอคเน่ก็เจริญเติบโตเพิ่มจำนวนมากขึ้นและยังปล่อยเอนไซม์ไลเปรสออกมาย่อยน้ำมันหรือซีบัมจนกลายเป็นกรดไขมัน ที่กระตุ้นการอักเสบบริเวณนั้น จนสิวธรรมดากลายเป็นสิวอักเสบ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นเกิดภาวะติดเชื้อนั่นเอง
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบและกำเริบรุนแรง
รู้ต้นตอสาเหตุกันไปแล้วมาดู ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบกันบ้าง
- กรรมพันธุ์ เรื่องสิวๆ ถ่ายทอดผ่านยีนส์หรือรหัสพันธุกรรม นั่นคือถ้าสมาชิกครอบครัวเป็นสิวง่าย มีสภาพผิวมัน รูขุมขนกว้าง คุณก็มีโอกาสจะมีสภาพผิวใกล้เคียงและเป็นสิวง่ายเช่นกัน
- สุขภาพการนอนไม่ดี นอนไม่เต็มอิ่ม นอนดึก อดนอน มีผลให้ภูมิคุ้มกันตก ร่างกายอักเสบง่ายสิวอักเสบจึงกำเริบได้ง่าย
- ล้างหน้าไม่สะอาด การปล่อยสิ่งสกปรกตกค้างบนผิวหนังอุดตันรูขุมขนเป็นที่มาของปัญหาผิว เพราะงั้นอย่าลืมใส่ใจเรื่องความสะอาดกันนะคะ
- การทำให้ผิวระคายเคือง รวมถึง การขัดผิวแรงๆ หรือ บ่อยไป กระตุ้นให้สิวตุ่มเล็กอักเสบลุกลามได้
- อาหารกระตุ้นสิว อาหารประเภทกระตุ้นการเติบโตของยีสต์ในกระเพาะอาหาร อาทิ นม หรืออาหารที่มีส่วนผสมของนม อาหารที่มีผลต่อสมดุลฮอร์โมน อย่าง อาหารรสหวานจัด อาหารที่ก่อให้เกิดทอกซินหรือของเสียในร่างกายได้ง่าย เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาหารทอด อาหารมัน อาหารคอเรสเอตรอลสูง กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน การเกิดสิว
- ความเครียด ปัจจัยก่อโรคภัยทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ก็มีผลต่อการทำงานของต่อมต่างๆ และสมดุลในร่างกายเสียไป อาการอักเสบก็เกิดง่ายขึ้นเช่นกัน ความเครียดกระตุ้นต่อมไขมันทำงานเยอะขึ้น ซึ่งเป็นต้นตอสาเหตุของปัญหาสิวอักเสบ
การรักษาสิวอักเสบ
สิวอักเสบสามารถรักษาได้ และในปัจจุบันมีวิธีการรักษาสิวอักเสบหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับอาการอักเสบรุนแรงมากน้อย มีตั้งแต่ใช้ยาทาหัวสิวโดยตรง การกินยาต้านอักเสบ(ตามแพทย์สั่ง) และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์รักษาสิวต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ป้องกันการเกิดแผลเป็นหรือรอยสิว หรือหลุมสิวภายหลัง รวมทั้งป้องกันการเกิดซ้ำของสิวอักเสบ เนื่องจากมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและมีสิ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้เสมอ
1.ใช้ยารักษาสิว
การรักษาสิวอักเสบ ด้วยการใช้ยา มีทั้ง กิน ทาและฉีดเข้าตุ่มสิว เริ่มจาก การใช้ยาทาภายนอก สำหรับยาที่หาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป ควรเลือกยาที่มีสารชนิดเดียวและไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาและผลข้างเคียง
- ยาทาภายนอก
ตัวยาที่ใช้ได้ มี กลุ่มเบนซิลโซอิลเปอร์ออกไซด์ ( 5-5%Benzoyl peroxide) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดอาการอักเสบ กลุ่มยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ (Topical antibiotics)เช่น คลินดามัยซิน อิริทโทรมัยซิย
ยาทาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ลดความมัน ช่วยละลายหัวสิว ลดการอุดตัน ยาที่มีกรดอะเซเลอิก (Aceleic) ช่วยลดแบคทีเรียและอาการบวมแดงของสิว
ยาทาที่ใช้ในการรักษาสิวอักเสบยังมี ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอหรือยาเรตินอยด์ เช่น ยา อะดาพาลีน (Adapalene) ยาเตรทติโนอิน (Tretinoin) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขน ในเคสที่รักษาอย่างอื่นหรือตัวยาอื่นไม่ได้ผล แต่ควรปรึกษาแพทย์เพราะเป็นยาอันตราย
การทายารักษาสิวอักเสบ ควรทาแค่บางๆ
- ยาฉีด
นอกจากนี้ ยังมี ยาฉีดที่มีสารสเตียรอยด์ โดยแพทย์ผิวหนังจะฉีดยาลงบนสิวเพื่อให้สิวอักเสบยุบตัวลง สามารถใช้ได้กับสิวอักเสบปานกลางจนถึงรุนแรง และต้องไม่มีอาการแพ้สารสเตียรอยด์
สำหรับคนเป็นสิวอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรง
- ยากิน
การรักษาด้วยการทานยา มีทั้ง ยากลุ่มอนพันธ์วิตามินเอ อย่าง ยาไอโซเตรทติโนอิน (Isotretinoin) ซึ่งค่อนข้างเป็นยาอันตรายมีผลข้างเคียง โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์อาจมีผลต่อทารกในครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ยาปฏิชีวนะสำหรับรับประทาน อาทิ ดอกซี่ซัยคลิน และเตตร้าซัยคลิน ซึ่งต้องใช้เวลาต่อเนื่องประมาณหนึ่ง และ ยาคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งจะช่วยลดหน้ามัน และลดต้นตอเกิดสิวอักเสบได้
2.กดสิว หรือ กรีดสิว
การกดสิวควรใช้เฉพาะสิวที่อักเสบน้อยถึงปานกลาง และเป็นก้อนสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองหลุมตื้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ ชนิด สิวซีสต์ (cyst acne) และ สิวหัวช้างเป็นหนอง มีอาการปวดบวมรุนแรง ไม่ควรกดสิวเองเพราะจะทำให้อาการอักเสบลุกลามไปจนถึงติดเชื้อ ถ้าไปพบแพทย์ อาจจะได้รับการกรีดสิวหรือผ่าตุ่มสิวอักเสบระบายหนองออก ซึ่งต้องมีการทำความสะอาดแผลและใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วยเพื่อลดการอักเสบ
3.ใช้เทคโนโลยีรักษาสิว
ยุคนี้มีเทคโนโลยีรักษาสิวในความดูแลของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ อาทิ การใช้สารไวแสงรักษาสิวอักเสบที่เรียกว่า โฟโตไดนามิก เธราพี (photodynamic therapy หรือ PDT) ร่วมกับแสงเลเซอร์หรือแสงแอลอีดีสีฟ้า (LED Light therapy) ทำลายเส้นเลือดใต้ผิวที่ไปเลี้ยงต่อมไขมัน ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวและสิวอักเสบได้
4.ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวอักเสบ
สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นสิวที่มีส่วนผสมของกรดฤทธิ์อ่อนๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของกรดไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) อย่าง กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acid หรือAHA ) และ กรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta hydroxy acid หรือ BHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตันบนรูขุมขนต้นตอของสิวอักเสบได้
แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้การรักษาสิวแบบไหน การใช้ยาทุกชนิดต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในสลากยา อยู่ในความดูแลของแพทย์และขอคำแนะนำจากเภสัชกรเพื่อการใช้ยาอย่างถูกต้อง ป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
การดูแลผิวในระหว่างการรักษาสิวอักเสบ
นอกจากการรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธีและเร่งด่วนแล้ว การดูแลผิวควบคู่กันก็สำคัญมาก ตั้งแต่ขั้นตอนทำความสะอาด รักษาสิวและบำรุงผิว ยิ่งคนที่ต้องใช้ยารักษาสิว หรือผ่านการกดสิว ต้องใส่ใจกันหน่อยค่ะ มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ
- ล้างหน้าให้สะอาดล้ำลึกอย่างอ่อนโยน การล้างหน้าให้สะอาดประมาณ 2 ครั้งต่อวัน โดยเฉพาะก่อนเข้านอน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลผิว สำหรับคนเป็นสิวที่มองหาผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเน้นสูตรอ่อนโยนไม่แห้งตึง รักษาความชุ่มชื้นของใบหน้า เพราะถ้าหน้าแห้งไป ต่อมไขมันจะเร่งผลิตซีบัมเพิ่มอีก ปัญหาสิวก็ไม่จบ
- เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ เพื่อช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกตกค้าง การผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนเพื่อลดการอุดตันตอของสิวอักเสบ อ่านสลากก่อนใช้ ต้องมีคำว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน หรือ Non Comedogenic ปราศจากน้ำมัน(oil free) และหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดอ่อนๆ อย่าง กรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta hydroxy acid) หรือ BHA ก็มีส่วนช่วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนได้
- หลีกเลี่ยง การล้างหน้าด้วยสบู่แรงๆ ที่ทำให้ผิวแห้ง ผิวลอก เพราะการใช้ยาทาสิวจะทำให้ผิวแห้งและผิวลอก ปกติผิวจะฟื้นฟูได้ภายใน 3-4 สัปดาห์อยู่แล้ว ไม่ควรซ้ำเติมผิวด้วยสบู่ล้างหน้าที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างแรงๆ
- สระผมรักษาสมดุลบนหนังศีรษะ ป้องกันผมมันโดนผิวหน้ากระตุ้นการเกิดสิวได้ง่ายๆ
- บำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับผิวเป็นสิว เลือกมอยเจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน รักษาความสมดุลของน้ำมันบนผิว และช่วยปลอบประโลมผิว เพราะความอ่อนแอของผิว เปิดช่องให้เกิดปัญหาสิวตามมาได้ง่าย การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น แข็งแรง อยู่เสมอ ป้องกันการเกิดสิวและบรรเทาความรุนแรงของปัญหาสิวและริ้วรอยที่เกิดจากสิวได้
- ใช้ครีมกันแดด ป้องกันผิวจากมลภาวะและแสงแดด บ้านเราเป็นเมืองร้อน แดดจัด แสงยูวีทะลุทะลวงทำลายผิวเสียสมดุลได้ง่ายมาก ยิ่งกระตุ้นการอักเสบของสิวรุนแรงไปอีก เพราะฉะนั้นก่อนออกสู่กลางแจ้งทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดที่ระคายเคืองผิวน้อย ประเภท physical sunscreen สัมผัสไม่เหนอะหนะ ซึมเร็ว คุมความมัน (oil control) และมีค่า SFP สูง ที่ป้องกันแสงยูวีได้จริง
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง แต่ถ้ายังต้องใช้เครื่องสำอาง เลือกสูตรไม่ทำให้เกิดสิว เป็นสูตรที่ปราศจากน้ำมันหรือ oil free และไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน สำคัญต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจด ก่อนเข้านอน ตัดตอนสิวอักเสบไปในตัว
- อย่าบีบสิวหรือแกะเกาบริเวณสิวอักเสบ เพราะกระตุ้นการอักเสบรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีสิวอักเสบและปัญหาสิวอุดตันเกิดพร้อมกัน เฉลี่ยราว 4-6 สัปดาห์ สิวจะเริ่มทุเลา ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย
- บำรุงผิวให้แข็งแรงจากภายใน สังเกตว่าเมนูไหนทานแล้วทำให้สิวผุดและสิวอักเสบกำเริบ ควรหลีกเลี่ยงอาหารนั้นๆ ไปก่อน และเพิ่มเมนูที่ย่อยง่าย เพิ่มปริมาณน้ำ และอาหารที่มี โปรตีน วิตามินแร่ธาตุที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อาหารที่มีวิตามินเอ อี วิตามินซี อาหารกรดไขมันดีอย่าง โอเมก้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์ในร่างกาย ปรับสมดุลฮอร์โมน ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูผิว อาทิ ผักใบเขียว เนื้อปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 สูง และอัลมอนด์ เป็นต้น อย่าลืม ดื่มน้ำเพื่อรักษาสมดุลในร่างกาย จะช่วยร่างกายสู้โรคได้
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่กองบรรณาธิการแนะนำ
การดูแลผิวตั้งแต่ขั้นตอนล้างหน้าทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกและอ่อนโยน มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ ATB ขอแนะนำ พอนด์ส ไบร์ท มิราเคิล อัลทิเมท แอคเน่ โซลูั่น ไทโม-บีเอชเอ เฟเชียล โฟม ( Pond's Bright Miracle Ultimate Acne Solution Thymo-BHA Facial Foam) โฟมล้างหน้าที่ผสาน กรด BHA ช่วนทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรก หนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว เพียงนวดเนื้อโฟมเบาๆ บนผิวหน้าที่เปียกชุ่มแล้วล้างออก ผิวสะอาดนุ่มไม่แห้งตึง
การล้างหน้าสะอาดล้ำลึกและบำรุงผิวไปด้วย มีตัวช่วยดูดซับสิ่งสกปรกฝุ่นมลภาวะตกค้างในรูขุมขนออกมา อย่างแอคทิเวท ชาร์โคลหรือส่วนผสมผงถ่านไม้ไผ่ ดีท็อกซ์ทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก ใน พอนด์ส ไบรท์ มิราเคิล อัลทิเมท ดีท็อกซ์ แอคทิเวท ชาร์โคล เฟเชียล โฟม สูตรดีท็อกซ์ ขจัดความมัน และมีส่วนผสมที่เป็น ไนอาซอร์ซินอลTM (NIASORCINOL) ไนอะซินามายด์และอี-รีซอร์ซินอล ช่วยผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ปราศจากความมัน เพียงนวดเนื้อโฟมผสมน้ำบนอุ้งมือจนเกิดฟองนุ่มๆ และนวดคลึงเบาๆเป็นวงกลมทั่วใบหน้าและลำคอ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับหน้าด้วยผ้านุ่มอย่างเบามือ ผิวหน้าก็สะอาดสดใส
เป็นไงกันบ้างคะ เริ่มคลายความปวดบวมกันลงบ้างไหม รู้จักต้นตอ สาเหตุและลักษณะต่างๆ แนวทางรักษาและวิธีรักษาสิวอักเสบและทิปส์ในการดูแลผิวกันไปแล้ว อย่าลืมติดตาม ใน All Things Beauty เรื่องราวดีๆ หลากหลาย เกี่ยวกับการดูแลผิวแบบต่างๆ และ การรับมือกับปัญหาใดๆ ของผิว มาแชร์ต่อๆกันไป เพื่อสุขภาพและผิวสวยๆ แข็งแรงไปด้วยกันนะคะ