เรตินอลคืออะไร ข้อดีและข้อเสียต่อผิวหน้า
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรตินอลและการออกฤทธิ์ต่อผิวหน้าส่วนผสมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์และวิธีใช้เรตินอลที่เหมาะสม
เรตินอลคืออะไร>
ข้อดี-เรตินอลช่วยอะไร>
ข้อเสีย-ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอลที่อาจเกิดขึ้นได้>
เรตินอลใช้คู่กับอะไรได้บ้าง>
3 ข้อที่ต้องคำนึงถึงการใช้เรตินอลกับผิวหน้า>
ขั้นตอนดูแลผิวและทิปส์การใช้เรตินอลกับผิวหน้า>
สกินแคร์ที่มาแรงและยังไม่ทีท่าว่าจะแผ่วอย่างเรตินอลที่ใครๆเขาว่าดีช่วยยกกระชับและปรับผิวเด้งอ่อนเยาว์กระจ่างใสชะลอวัยแต่ความแรงที่เป็นสารฤทธิ์แรงเห็นผลเร็วก็ทำให้เกิดคำถามมากมายไม่ว่าจะเป็นตกลงเรตินอลมันคืออะไรมันดียังไงและควรเลือกเรตินอลยี่ห้อไหนดี All Things Beauty ไม่ยอมตกกระแสมีมาแชร์เรื่องเบสิกที่เราต้องรู้และทิปส์ดีๆในการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวแรงตัวนี้มีอะไรบ้างไปติดตามกันเลยค่ะ
เรตินอลคืออะไร
เรตินอล (Retinol)หรือวิตามิน A หนึ่งในสารกลุ่มเรตินอยด์หรือเรียกว่าสารอนุพันธ์เรตินอยด์ตามธรรมชาติชนิดที่ไม่ระคายเคืองผิวและมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพจึงนิยมนำมาเป็นสารผสมในผลิตภัณฑ์ชะลอวัยเพื่อทำให้ผิวพรรณกระชับเต่งตึงดูกระจ่างใสสารอนุพันธุ์เรตินอยด์มีหลายชนิดตัวที่รู้จักกันดีในสายบิวตี้ยังมีเทรทิโนอิน (Tretinoine) สารอนุพันธ์สังเคราะห์กลุ่มเรตินอยด์ที่ใช้เป็นยากินรักษาสิวและครีมทาลดสิวอุดตันและป้องกันสิวอักเสบ (ยาทาที่นิยมใช้ความเข้มข้น 0.025% และ 0.05% )ซึ่งมักจะมีผลให้ระคายเคืองมากกว่าเรตินอล
ข้อดี-เรตินอลช่วยอะไร
เรตินอลสามารถกระตุ้นกระบวนการทำงานในชั้นผิวที่เริ่มอ่อนล้าไปตามวัยหรือได้รับผลกระทบจากแสงแดดจนเสียหายกลายเป็นผิวแก่ก่อนวัยได้ดังนี้
- ทำให้ผิวยืดหยุ่นกระชับขึ้น ผลจากสารอนุพันธ์เรตินอยด์เข้าไปจับตัวกับกรดเรติโนอิก(Retinoic) และเรตินอยด์รีเซปเตอร์ที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ผิวหนังกระตุ้นการสังเคราะห์อีลาสติน
- กระตุ้นการเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวหรือกระบวนการสังเคราะห์โปรคอลลาเจนเพราะเรตินอลเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำงานในกระบวนการทำลายหรือสลายคอลลาเจนจึงช่วยลดภาวะคอลลาเจนสลายตัวและกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนใหม่เพิ่มขึ้น
- ช่วยผิวชุ่มชื้นขึ้นจากฤทธิ์กระตุ้นการสังเคราะห์ไกลโคอะมิโนไกลแคนที่มีผลต่อการรักษาความชุ่มชื้น
- ผิวหนาแข็งแรงขึ้นจากฤทธิกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์เคราติโนไซต์
- จุดด่างดำริ้วรอยร่องตื้นและริ้วรอยร่องลึกลดลง เพราะเรตินอลกระตุ้นการเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ที่ยังไม่แข็งแรงหลุดลอกออกง่ายขึ้นและเมื่อเรตินอลทาลงบนผิวจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดวิตามินเอทำให้ผิวลอกออกมาช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังเก่าให้หลุดลอกเร็วขึ้นและช่วยลดสิวอุดตันได้
ข้อเสีย-ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอลที่อาจเกิดขึ้นได้
ในบรรดาสารอนุพันธ์เรตินอยด์เรตินอลถือว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าอนุพันธ์ุเรตินอยด์เฉพาะที่อย่างเทรทิโนอินที่เป็นอนุพันธุ์สังเคราะห์ที่นิยมใช้เป็นยาทารักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบแต่อาจจะเกิดขึ้นได้
- ผิวแห้งลอกเป็นขุย
- ผิวแดงรู้สึกคันระคายเคือง
- ผิวไวต่อรังสียูวีมากขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารเรตินอลวันแรกจนถึงราว 1-3 เดือนขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและในระยะเวลา 1-3 เดือนนี้ผิวจะปรับคืนสมดุลความไวแสงหรือไวต่อรังสียูวีกลับมาสู่ระดับปกติ
ดังนั้นคนที่ใช้เรตินอลกับผิวโดยเฉพาะในระยะ 3 เดือนแรกต้องเตรียมพร้อมกันแดดทั้งครีมกันแดดและปกป้องตัวเองจากแสงแดดกางร่มใส่หมวกและอย่าเอาหน้าไปรับแดดจัดๆระหว่างวันเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและผลลัพธ์ที่ดี
เรตินอลใช้คู่กับอะไรได้บ้าง
- เรตินอลกับไนอาซินาไมด์( บี 3) ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นเกราะป้องกันผิวสองประสานนี้ที่มีงานวิจัยรับรองแล้วว่าช่วยฟื้นฟูผิวดูดีขึ้นได้ไม่ตีกันเองด้วย
- เรตินอลเข้มข้นร้อยละ 0.07 กับวิตามินซีความเข้มข้นร้อยละ 3.5 สามารถฟื้นฟูผิวกระชับแข็งแรงดูใสขึ้นใน 12 สัปดาห์ (ใช้ต่อเนื่องราว 3เดือน)
- เรตินอลซีหรือ Retinol-C Complex ผลิตผลจากเทคโนโลยีความงามยุคใหม่ได้ผสานวิตามินซีกับเรตินอลขึ้นมาเป็นเรตินอลซีหรือ Retinol-C Complex ซึ่งช่วยการซึมซาบสู่ผิวได้อย่างต่อเนื่องลดริ้วรอยและให้ความรู้สึกผิวนุ่มชุ่มชื่นเพราะวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากรังสียูวีมลภาวะต่างๆเป็นตัวช่วยให้เรตินอลออกฤทธิ์ได้เต็มที่
- เรตินอลกับเซราไมด์ (Ceramide) การใช้เซราไมด์ในส่วนผสมสกินแคร์เพื่อทดแทนการผลิตเซราไมด์ตามธรรมชาติที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้นหรือเจอแสงแดดจัดๆช่วยปกป้องช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวลดการระคายเคืองจากผิวแห้งที่เกิดจากการใช้เรตินอลได้โดยทาครีมที่มีส่วนผสมเซราไมด์เป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากทาเรตินอลแล้ว
- เรตินอลกับไฮยาลูรอนตัวแรกผลัดเซลล์ผิวกระตุ้นคอลลาเจนแต่จะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองง่านส่วนตัวหลังเป็นตัวเติมความชุ่มชื้นเป็นอีกหนึ่งมอยเจอไรเซอร์ที่ทำงานคู่กับเรตินอลให้ผิวดูดีขึ้นได้
- เรตินอลกับวิตามินE ทั้งวิตามินซีและวิตามินอีเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เรตินอลคงตัวหรือไม่สลายตัวง่ายจึงเป็นตัวช่วยให้เรตินอลออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ
- HEXYL-RETINOL TM (เฮ็กซิล-เรตินอลTM) เป็นนวัตกรรมใหม่หรือเรตินอลเจนใหม่ที่เป็นทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของสถาบันวิจัยพอนด์สที่เพิ่มประสิทธิภาพของเรตินอลในการฟื้นบำรุงคอลลาเจนในผิวได้มากขึ้นและลดการระคายเคืองผิวลงเพื่อผิวเด้งฟูยืดหยุ่นเรียบเนียนใช้ได้ทุกวัน
3 ข้อที่ต้องคำนึงถึงการใช้เรตินอลกับผิวหน้า
คำถามสายบิวตี้หลักร้อยแต่ผลลัพธ์คุ้มค่าจะเลือกครีมบำรุงผิวหน้าที่มีเรตินอลยี่ห้อไหนดีล่ะคำตอบเรื่องนี้อยู่ที่นวัตกรรมและการดูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเรตินอลแต่ละประเภทว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่ซ้ำเติมผิวให้มีปัญหาเพิ่มหรือมีปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกมีเรื่องที่ต้องคำนึงถึง 3 ข้อหลักๆคือ
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเรตินอลที่ผิวรับได้
เพราะเรตินอลอาจก่ออาการแพ้จากผิวระคายเคืองได้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวลองป้ายยาหรือครีมหรือเซรั่มใดๆใต้ท้องแขน (จุดที่ผิวบอบบาง) ทิ้งไว้สัก 1 คืน 1 วันรอดูผลถ้าไม่เกิดอาการแพ้ก็ใช้ได้และควรใช้ควบคู่กับสารบำรุงผิวอย่างวิตามิน E ไนอาซินาไมด์(วิตามิน B3) และกรดไฮยาลูรอนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นลดการระคายเคือง
2.ต้องใช้ควบคู่กับมอยเจอไรเซอร์เสมอ
เรตินอลทำให้ผิวแห้งขึ้นกว่าปกติและผลตามมาคืออาการระคายเคืองจึงจำเป็นต้องใช้
มอยเจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิวที่มีสารบูสต์ความชุ่มชื้นเกราะป้องผิวชั้นนอกและปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองได้อย่างวิตามิน E กรดไฮยาลูรอนและไนอาซินาไมด์
ทิปส์คือทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังเรตินอลเสมอคนที่ผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำใช้แบบแซนด์วิชคือมอยเจอร์ไรเซอร์-เรตินอล-มอยเจอร์ไรเซอร์ลองมอยเจอไรเซอร์เนื้อบางเบารองพื้นก่อนแล้วตามด้วยเรตินอลและปิดท้ายด้วยมอยเจอไรเซอร์อีกครั้งจะช่วยลดการระคายเคืองได้หรือจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารบำรุงผิวเหล่านี้มาคู่กันแล้วอย่างพอนด์สเฟิร์มแอนด์ลิฟท์เอจมิราเคิลสกัลป์ติ้งไนท์ครีมที่มีทั้งเรตินอล-ซีไนอะซินามายด์และวิตามินอีผสานการลดเลือนริ้วรอยร่องตื้นและเติมริ้วรอยร่องลึกด้วยความชุ่มชื้นและเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวกระชับผิวหน้าส่วนล่างและฟื้นผิวเรียบเนียนขึ้น
3.ใช้ครีมกันแดดค่าเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไป
เพื่อป้องกันผิวถูกทำลายจากความไวแสงเพราะการใช้เรตินอลจะทำให้ผิวไวแสงขึ้นทันทีและจากงานวิจัยยืนยันว่ารังสียูวีเป็นสาเหตุของผิวแก่หรือโรยราเกิดริ้วรอยร่องลึกขาดความยืดหยุ่นหย่อนคล้อยหยาบกร้านการใช้เรตินอลช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนและความยืดหยุ่นจะดรอปลงทันทีและอาจทำให้ผิวระคายเคืองเร็วขึ้นถ้าเราละเลยการปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดด
ดังนั้นระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆที่มีเรตินอลเป็นส่วนผสมต้องใช้สารกันแดดที่มีควบคู่เสมอไม่ว่าจะใช้แบบแยกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารกันแดดควบคู่มาแล้วอย่างพอนด์สเฟิร์มแอนด์ลิฟท์เอจมิราเคิลสกัลป์ติ้งเดย์ครีมเอสพีเอฟ 30 พีเอ+++ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Firm & Lift เน้นกระชับผิวหน้าส่วนล่างที่เริ่มหย่อนคล้อยมีสวนผสมของสารช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิวอย่างไดเปปไทด์สารสกัดจากซีบัคธอร์นส่วนผสมของเรตินอล-ซีเติมตื้นริ้วรอยลึกและลดเลือนเส้นริ้วร่องตื้นและมีสารไนอะซินามายด์ผสมวิตามินอีคงความชุ่มชื่นของผิวและสารกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟพอเพียงต่อการปกป้องผิวจากรังสียูวีระหว่างวันสำหรับกิจกรรมในอาคารตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีกิจกรรมรับแดดเต็มๆกลางแจ้งยาวนานจะทากันแดดทับอีกชั้นได้หรือสวมหมวกกางร่มเป็นกิจวัตรจะทำให้เห็นประสิทธิภาพของสารฟื้นฟูผิวเด้งอ่อนวัยกระจ่างใสแบบไม่เจอผลข้างเคียงให้รำคาญใจ
ขั้นตอนดูแลผิวและทิปส์การใช้เรตินอลกับผิวหน้า
สำหรับการใช้เรตินอลในส่วนผสมของการดูแลผิวเพื่อฟื้นฟูผิวได้อย่างตั้งใจกิจวัตรการบำรุงผิวต้องทำอย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่างๆและผลลัพธ์ได้อย่างตั้งใจ
ขั้นตอนที่ 1 ทำความสะอาด
การล้างหน้าสำคัญมากเพราะก่อนจะลงครีมบำรุงผิวใดๆต้องชำระล้างสิ่งสกปรกให้หมดจดและเตรียมผิวให้พร้อมด้วยการซับหน้าให้แห้งสนิทก่อนลงครีมที่มีเรตินอลเพราะการใช้เรตินอลบนผิวเปียกชื้นจะทำให้ผิวระคายเคืองง่าย
สำหรับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแนะนำ พอนด์ส เอจมิราเคิลอัลทิเมทยูธเฮ็กซิล-เรตินอลเฟเชียลโฟมสูตรผลัดเซลล์ผิวแก่ที่มีเฮ็กซิล-เรตินอลผสานด้วยเฮ็กซิล-รีซอร์ซินอลตัวช่วยลดเลือนจุดด่างดำกับเรตินอล-ซีที่ช่วยลดริ้วรอยดูตื้นขึ้นผสมด้วยไนอะซินามายด์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวบูสต์ผิวเด้งฟูไปในทิปส์ในการล้างหน้าคือนวดเนื้อโฟมผสมน้ำเล็กน้อยให้เป็นฟองนุ่มก่อนนวดเบาทั่วใบหน้าและลำคอและล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขั้นตอนที่ 2 การใช้ผลิตภัณฑ์ผสมเรตินอลบนผิวหน้า
ทิปส์ในการใช้ที่สำคัญคือทดสอบการแแพ้ผลิตภัณฑ์ก่อนและสำหรับคนที่รู้สึกระคายผิวเมื่อตอนเริ่มใช้อาจรอให้ผิวปรับตัวด้วยการเริ่มต้นใช้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งและสังเกตุว่าผิวเริ่มไม่ระคายหรือรู้สึกยิบๆแล้วเพิ่มความถึ่เป็น “วันเว้นวัน” จนกว่าผิวจะไม่รู้สึกระคายเคืองใดๆจึงปรับการใช้เป็นประจำทุกวันต่อเนื่องไปซัก 12 สัปดาห์ผิวจะฟื้นฟูกระชับใสขึ้น
ขั้นตอนที 3 บำรุงผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์
ทิปส์คือการทาผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์ก่อนและหลังเรตินอลจะช่วยปลอบประโลมผิวลดอาการที่ผิวตอบสนองเช่นอาการคันยิบๆหรือผิวแห้งมากขึ้นผิวเป็นรอยแดงในช่วงแรกๆของการใช้เรตินอลได้หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารป้องกันปราการผิวช่วยเก็กกับความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวร่วมด้วยอย่างไนอาซินาไมด์( บี 3) เซราไมด์และไฮยาลูรอนก็ตัดขั้นตอนในการลงครีมหลายๆตัวไปได้
รู้จักเรตินอลและวิธีใช้ที่จะเลี่ยงผลข้างเคียงในแต่ละขั้นตอนกันไปแล้วโอกาสหน้าเราจะมีทิปส์การดูแลผิวและเรื่องราวของสารผสมในสกินแคร์มาฝากกันอีกค่ะอย่าลืมติดตามทาง All Things Beauty กันเรื่อยๆนะคะ