เรื่องน่ารู้สำหรับคุณผู้ชาย ก่อนเข้าร้านยืด ดัด หรือทำสีผม

เพราะแฟชั่นสีผมผู้ชาย ก็มีหลายแบบหลายทรงให้เลือกทำไม่แพ้ผู้หญิงเลย จึงทำให้นอกจากการตัดผมแล้ว ผู้ชายเองก็ยังมีการเสริมแต่งอีกหลายอย่างที่นิยมทำกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยืดผม, ดัดผม และทำสีผม

แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าการทำเคมีผมสำหรับผู้ชายนั้น มีความแตกต่างจากผู้หญิงหรือไม่? มากน้อยแค่ไหน? วันนี้ All Things Beauty จึงถือโอกาสชวนหนุ่มๆ มาทำความรู้จักการ ยืด / ดัด / ทำสี กันให้มากขึ้น รวมไปถึงมีข้อแนะนำดีๆ ในการทำเคมีผมมาฝากกันด้วย

ถ้าไม่นับการทำสีผมเพื่อปกปิดผมขาวแล้ว การทำสีผมสำหรับผู้ชายก็สามารถทำได้ทั้งสีสุภาพและสีแฟชั่น ไม่ต่างจากที่ผู้หญิงทำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูสีให้เข้ากันกับสีผิวและบุคลิกภาพการแต่งการโดยรวมของเราด้วย

หลายคนมีสีผมที่ชอบ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นสีที่เหมาะกับตัวเองหรือเปล่า หรือบางคนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำสีหรือไม่ควร ปล่อยให้เป็นผมสีธรรมชาติ หรือบางคนก็ยังไม่แน่ใจว่าควรทำผมสีอะไรดี

ดังนั้นเราแนะนำให้คุณทำความเข้าใจเสียก่อนว่า จุดประสงค์ของการทำสีผมนั้นไม่ใช่เพื่อแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ในแง่ของการเสริมความเข้ม หรือลดความดุดันของใบหน้าได้อีกด้วย

เช่น หากคุณมีผิวหน้าขาวซีด การทำผมสีเข้มเฉดน้ำตาลม่วง ก็จะขับให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น แต่ถ้าคุณมีใบหน้าที่ค่อนข้างดุ (อาจจะเพราะเหลี่ยมมุมของใบหน้า หรือความชัดของเครื่องหน้า) การทำผมสีอ่อนก็จะช่วยเบลอให้ทุกอย่างดูซอฟต์ลงได้

หากคุณอยากทำสีผมเอง ให้ระลึกไว้เสมอว่า สีที่ได้จะไม่เหมือนหน้ากล่องเป๊ะๆ อย่างน้อยก็จะไม่เจิดจ้าสว่างขนาดนั้น เพราะคนเอเชียมีพื้นผมสีเข้มมาก ถึงมากที่สุด การทำสีให้อ่อนลงโดยไม่กัดสีเลย เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเวลาเลือกสีจึงต้องเลือกเผื่อไว้เสมอ

ถ้าคุณเลือกไปทำสีผมที่ร้าน ก็ให้ลองเอาชาร์ตสีที่มีตัวอย่างสีผม มาเทียบกับใบหน้าดูก่อนว่าเข้ากับเราหรือไม่ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ คุณจะต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้ว่าจะทำสีผมให้เหมือนในชาร์ตได้จริง หรืออย่างน้อยก็ต้องใกล้เคียงที่สุด

อยากให้ผมดูมีมิติ ให้ลองทำไฮไลต์ หรือ โลวไลต์ ควบคู่กันไป

อย่าลืมคำนึงถึงอาชีพ และหน้าที่การงาน ก่อนทำสีผมทุกครั้ง

ถ้าตัดสินใจทำสีผมแล้ว ก็จะต้องทำไปเรื่อยๆ เพราะผมสองสี ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เคยทำให้ใครดูดี ยกเว้นแต่จะกลับมาย้อมผมสีธรรมชาติ

หากผมสีเดิมงอกยาวเกิน 1 นิ้ว นั่นแปลว่าถึงเวลาที่คุณควรย้อมโคนผมแล้ว

สำหรับการดัดผม หลังจากยุค 80s ที่ทรงผมหยิกเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชาย เราก็ยังไม่ค่อยเห็นเทรนด์การดัดผมชัดเจนในหมู่ผู้ชายไทยเท่าไรนัก จนกระทั่งเมื่อทรงผมชายเกาหลีกลายเป็นกระแส และได้รับความนิยมอย่างมาก ก็เริ่มมีผู้ชายสนใจดัดผมกันมากขึ้น เพียงแต่จะไม่ได้ดัดจนหยิกหยอย แต่จะดัดเพื่อสร้างวอลลุ่มให้กับผม เพื่อที่จะช่วยให้ผมจัดทรงได้ง่ายขึ้น

เพราะหลังจากดัดผมมาแล้ว แค่เอาแว็กซ์ถูมือ แล้วลูบไปในทิศทางที่ต้องการ ผมก็จะออกมาเป็นทรงเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การดัดผมเป็นลอนอ่อนๆ ยังสามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผมเส้นเล็กได้ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ผมดูหนาขึ้นอีกด้วย

ส่วนการยืดผมสำหรับผู้ชาย ก็ยังมีให้เห็นบ้างในคนที่ไว้ผมยาวหน่อย และมีผมหนา รวมไปถึงคนที่มีผมหยักศก ที่ต้องการให้ผมเรียบตรง ก็สามารถใช้การยืดผมช่วยได้ เพราะเดี๋ยวนี้การยืดผมมีเทคนิคใหม่ๆ มากมาย ไม่จำเป็นว่าต้องทำแล้วออกมาลีบแบนเหมือนสมัยก่อน

แต่ทางที่ดีก่อนจะยืดผม ก็ควรปรึกษากับช่างผมดูก่อนว่าผมของเราเหมาะไหมที่จะยืด อย่าเพิ่งฟันธงไปเองว่าผมของเรายืดได้แน่นอน

หลังจากทำเคมีผมมาแล้ว ไม่ว่าจะดัด ยืด หรือทำสีก็ตาม ย่อมมีผลเสียตามมาแน่นอน เพราะกระบวนการทำเคมีเหล่านี้จะไปทำลายเกล็ดผม กระชากความชุ่มชื้น พรากความเงางามตามธรรมชาติ และความแข็งแรงของเส้นผม

ยกตัวอย่างเช่น การกัดสีผม จะเปิดเกล็ดผมขึ้น เพื่อเจาะเข้าไปในเส้นผมและเปลี่ยนสีผม ยิ่งกระบวนการรุนแรงมากเท่าไหร่ (ทำเคมีจากผมสีเข้มไปเป็นสีบลอนด์ หรือ จากผมหยิกไปผมตรงมาก) ก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อเส้นผมมากเท่านั้น

ฉะนั้นผู้ชายเองก็ต้องรู้จักที่จะดูแลบำรุงเส้นผมด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ขั้นตอนทำความสะอาดเส้นผม ไปจนถึงการบำรุงผมด้วยการทำทรีตเมนต์ ซึ่งการเลือกใช้ทรีตเมนต์มาส์กก็ควรเลือกสูตรให้เหมาะสม

เช่น คนที่เพิ่งยืดผมมาก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมตรง อย่าง ซันซิล อินเทนซีฟ ทรีตเมนต์ มาสก์ เพอร์เฟค เสตรท หรือหากใครที่ทำสีผม และผมค่อนข้างแห้งเสีย ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม อย่าง โดฟ อินเทนซ์ รีแพร์ ทรีตเมนต์ มาส์ก ส่วนใครที่ดัดผมก็ควรเลือกใช้แชมพูสูตรที่ช่วยรักษาวอลลุ่มให้เส้นผม อย่าง โดฟ วอลลุ่ม นอริชเม้นท์ แชมพู ควบคู่ไปกับครีมบำรุงผมสูตรเดียวกัน เป็นต้น