เหงื่อ: ที่มาของปัญหาผิวหรือกลิ่นตัว รู้วิธีจัดการเหงื่อเพิ่อตัวหอมตลอดวัน

ร่างกายคนเรามีกลไกในการรักษาสมดุล เพื่อระบายอากาศให้ร่างกายไม่ร้อนเกินไป ต่อมเหงื่อ ที่ มีกระจายอยู่ทั่วร่างกาย มีเป็นล้าน จะขับเหงื่อออกมา และทำให้เกิดกลิ่นตัว แต่ลำพังเหงื่อไม่สร้างกลิ่นต้องมีแบคทีเรียทำปฏิกิริยา ทำให้กลิ่นตัวหอม หรือกลิ่นกายสะอาดๆ กลายเป็นกลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว ผสมกับปัจจัยอื่นๆ อย่าง อาหารที่เรากินเข้าไป และ โรคประจำบางอย่างก็สร้างกลิ่นตัวของแต่ละคนด้วย

All Things Beauty ชวนรู้เบื้องลึกถึงต่อมเหงื่อ และวิธีจัดการเหงื่อ เพื่อตัวหอม ผิวสุขภาพดีและกลิ่นกายสดชื่นตลอดวัน มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

ร่างกายคนเรา มีต่อมเหงื่อกระจายอยู่ทั่วร่าง แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1. Eccrine Sweat Glands พบตาม ผิวหนังทั่วไป ฝ่ามือ ฝ่าเท้าร่างกายจะขับเหงื่อออกมาเพื่อระบายความร้อน ระหว่างที่ออกกำลัง ทำกิจกรรมหรือเมื่อเจออากาศร้อน มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำและเกลือ เหงื่อจึงใสมีรสเค็ม ไม่มีกลิ่น

2. Apocrine Sweat Glands มีส่วนผสมของโปรตีนและไขมัน (ไลปิดส์) อยู่ตามจุดอับของร่างกายอย่างข้อพับและขาหนีบและรักแร้ ซึ่งเมื่อเหงื่อถูกขับออกมาสักพัก แแบคทีเรียบนผิวจะเข้าไปทำปฏิกิริยาหรือกินโปรตีนและไลปิดส์ ทำให้กลิ่นตัวของคนเราเปลี่ยนไป

รักแร้

เท้า (ฝ่าเท้าและง่ามนิ้วเท้า)

ขาหนีบ

จุดซ่อนเร้น

บริเวณที่มีขนขึ้นดก รวมถึงอวัยวะเพศ

รูสะดือ

ร่องก้น

หลังใบหู

1.ขจัดคราบเหงื่อสะสม ด้วยการทำความสะอาดร่างกาย ด้วยสบู่ที่มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พราะแบคทีเรียเป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว การทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ เช้าเย็น และหลังออกกำลังกาย

2.เช็ดตัวให้แห้ง หลังอาบน้ำ รักษาความสะอาดและอนามัย ใต้รักแร้ ข้อพับและขาหนีบ ซึ่งมีต่อมเหงื่อจำนวนมาก เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา โรคที่เกิดจากเชื้อราก็เป็นที่มาของกลิ่นตัวเช่นกัน

3.โกนขนรักแร้และบริเวณใต้ร่มผ้า เพื่อลดการหมักหมมของเหงื่อและกลิ่นตัว

4. คุมเหงื่อด้วยเสื้อผ้าระบายอากาศ ไม่รัดรูป เพราะในภาวะอากาศร้อน ร่างกายจะขับเหงื่อเพื่อลดอุณหภูมิภายใน เลือกวัสดุเป็นใยผ้าระบายอากาศได้ดี อย่างผ้าฝ้ายธรรมชาติ หรือวัสดุใยผ้าที่เป็นนวัตกรรมคูลลิ่งต่างๆ ช่วยลดเหงื่อ

5.ใช้สารระงับเหงื่อหรือหรือยาระงับเหงื่อ หรือแอนตี้เรสไพแรนต์ (Antirespirant) ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ ทาใต้วงแขนหลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งแล้ว ควรเลือกแบบที่เป็นปลอดอลูมินัม (0% Aluminum) เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงอลูมินัมที่เป็นโลหะหนักเข้าไปสะสมในร่างกาย

6.คุมเหงื่อด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป ลดการขับเหงื่อระบายอากาศ ช่วยลดกลิ่นตัว

7.รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวสม่ำเสมอ

เพื่อรักษาสมดุลน้ำหล่อเลี้ยงผิว ป้องกันต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อเจอกับเหงื่อ จะทำให้มีปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ นอกจากการทานอาหารที่มีประโยชน์และ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ แล้ว การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นมีความสมดุลอยู่เสมอ ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากเหงื่อ ได้ด้วย สำหรับคนที่อยากมีกลิ่นหอมสดชื่นติดตัวพร้อมผิวสุขภาพดี แนะนำ ชิตร้า ไฮโดร คอลลาเจน ไบรท์ โลชั่น มิกซ์ เบอร์รี่ (Citra Hydro Collagen Bright Lotion Mixed Berry) ที่เติมความชุ่มชื้นผิวให้ฉ่ำแล้วยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของมิกซ์เบอร์รี่ เหมาะกับวันอากาศร้อนอบอ้าว

ใช้น้ำหอมระงับกลิ่นกาย หรือดีโอโดแรนต์ (Deodorant) ใต้วงแขน เพราะรักแร้เป็นจุดที่มีเหงื่ออกมาก ดีโอโดแรนต์ต่างจากสารระงับเหงื่อหรือแอนดีเรสไพแรนต์ เพราะดีโอโดแรนต์มีส่วนผสมน้ำหอมกับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เน้นกลิ่นหอมกลบกลิ่นเหงื่อ แต่ไม่มีฤทธิ์ระงับเหงื่อ ข้อควรระวังคือ ดีโอโดแรนต์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด และมีกลิ่นหอมสดชื่น เสื้อผ้าให้สะอาด ลดการสะสมแบคทีเรียและเชื้อราบนผ้าด้วย

ใช้โลชั่นเพื่อผิวหอม นอกจากโลชั่นบำรุงที่มีกลิ่นหอมแล้ว ระหว่างวันที่ต้องออกไปเจอแดด อย่าลืม ครีมกันแดดที่มีกลิ่นหอมติดตัวได้นาน อย่าง ซิตร้า เซรั่ม กันแดด ฟลาวเวอร์ บลอสซั่ม SPF50 (Citra Serum Sunscreen Flower Blossom SPF50 PA++++) ทั้งบำรุงผิวและมีกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้นานาพรรณ ใช้ระหว่างวัน ช่วยลดกลิ่นเหงื่อและเพิ่มความหอมสดชื่น

Editor’s Tip: สำหรับคนที่เหงื่อออกง่ายหรือออกเยอะตั้งแต่อาบน้ำเสร็จเช็ดตัวไม่แห้ง เหงื่อก็ทะลักแล้ว ทิปส์ง่ายๆ ในการทาครีมบำรุงผิวหรือครีมกันแดด สูตรตัวหอม ให้กลิ่นหอมติดตัวนานๆ คือ ทาครีมขณะที่อยู่หน้าพัดลม หรือในห้องที่มีอากาศเย็นไม่อบอ้าว รอให้ครีมซึมเข้าผิวจึงค่อยสวมเสื้อผ้าแต่งตัว กลิ่นหอมที่ติดตัวยังช่วยบูสต์อารมณ์ให้แจ่มใส ลดการขับเหงื่อเพราะความเครียดได้อีกทางด้วยค่ะ

ข้อมูลอ้างอิงจาก Rama Channel โดย ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์

มหาวิทยาลัยมหิดล เวบไซต์ medical news today, Healthline และ Webmd